'โรม' เสียดาย 'ธรรมนัส' เบี้ยวแจง กมธ. เดินหน้าชนแก๊งคอลฯต่อ

'โรม' เสียดาย 'ธรรมนัส' เบี้ยวแจง กมธ. เดินหน้าชนแก๊งคอลฯต่อ

'โรม' ลุยสางต่อ คุ้ยอาณาจักรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เผยได้หลักฐานใหม่เป็นเอกสาร 48 หน้า เสียดาย 'ธรรมนัส' เบี้ยวแจง กมธ.มั่นคงฯ ปม 'เบน สมิธ' 30 ต.ค.เชิญ รมช.คลัง ให้ข้อมูลเพิ่ม

KEY

POINTS

  • นายรังสิมันต์ โรม สส.ปชน. ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ แสดงความเสียดายที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ กรณีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์
  • กมธ. ยืนยันจะเดินหน้าตรวจสอบปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายการฟอกเงินข้ามชาติต่อไป โดยมองว่าเป็นกลุ่มทุนสีเทาที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
  • คณะกรรมาธิการฯ ต้องการฟังคำชี้แจงโดยตรงจาก ร.อ.ธรรมนัส เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับนายเบน สมิธ และจะดำเนินการเชิญอีกครั้งเพื่อให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน

เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาศึกษาปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย กรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ และแนวทางการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และความมั่นคงของประเทศ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ. ให้สัมภาษณ์ว่า การพิจารณาในประเด็นของนายเบนจามิน สมิธ เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เราแบ่งเป็น 3 วาระ

วาระ 1 คือเน้นไปที่การพิจารณาของหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงเข้าไปดำเนินการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และฟอกเงิน ซึ่งมีบุคคลที่เชิญมาหลายคน พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจไซเบอร์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) กองทัพเรือ และอีกหลายหน่วยงาน

ส่วนวาระที่ 2 จะพิจารณาเฉพาะเรื่องความเกี่ยวข้องกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม่มั่นใจว่า ร.อ.ธรรมนัส จะมาหรือไม่ เพราะเห็นเป็นข่าวว่าจะไม่มา แต่เมื่อสักครู่ระบุว่าจะมา ยืนยันว่า กมธ.ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึง ร.อ.ธรรมนัสด้วย

วาระ 3 เชิญเฉพาะนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประเด็นเงินสินบน 40 ล้านบาท เราพยายามให้ความสำคัญกับเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ เป็นทุนเทาที่กำลังจะยึดประเทศไทย

เมื่อถามว่ากรณีนายไชยชนก มีการติดต่อจะให้เงินสินบนผ่านทีมงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จะต้องมีการไล่ไทม์ไลน์และเส้นทางที่พยามจะติดสินบน เบื้องต้นได้รับแค่หนังสือตอบกลับว่า นายไชยชนกได้ไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ได้รับแจ้งว่าจะไม่มาตอบใน กมธ.เบื้องต้นจะมีการดำเนินการติดตามเรื่องนี้ ถือว่ายังให้โอกาสนายไชยชนก ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีคนไหนเราก็ปฏิบัติเหมือนกันหมด เราให้โอกาส ถ้าไม่มาครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ก็ต้องมีคำตอบที่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะหลังจากนี้ตนเองจะพยายามนัดล่วงหน้าให้นายไชยชนก และ ร.อ.ธรรมนัสเข้าชี้แจงใน กมธ.อย่างครบถ้วน เพราะฉะนั้นหากเราไม่ฟังทุกฝ่ายก็จะมีข้อกล่าวหาว่า กมธ.เลือกปฏิบัติ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนที่มีการขุดว่าเรื่องนี้เชื่อมโยงกับเสี่ยตือ ซึ่งเป็นประเด็นที่เคยอภิปรายมาก่อนนั้น อภิปรายเรื่องคอลเซ็นเตอร์เยอะ มีตัวละครพอสมควรยืนยันว่าหากไล่ดูจริง ๆ เสี่ยตือจะพบข้อมูลเยอะ อยากทราบเหมือนกันว่าหน่วยงานของรัฐมีเครื่องมือเยอะแยะเต็มไปหมด สามารถตรวจสอบวิธีทางการเงินได้ วันนี้เรามีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปราบปรามการฟอกเงินฯ สิ่งสำคัญคือ ต้องดูว่าเส้นทางการเงินเป็นอย่างไร มีคำอธิบายอย่างไรในเรื่องของที่มาของเงิน ซึ่งไม่ได้อธิบายกันได้โดยง่าย

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ในกรณีอื่น ระยะหลังเราเริ่มเจอกับอาชญากรรมข้ามชาติที่มีความสลับซับซ้อน ต้องยอมรับว่ามีบางกรณีที่สลับซับซ้อนถึงขั้นว่าอาจจะมีการทำให้ไม่มีการบันทึกหรือใช้นอมินีเพื่อไม่ให้เชื่อมโยงถึง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาแนวทางของรัฐบาลไม่ใช่แค่เฉพาะชุดนี้ แต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ให้ความสำคัญกับแค่บัญชีม้า-ซิมม้า แม้จะมีความสำคัญแต่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถทำลายโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติด้วยการจับบัญชีม้าได้ ถ้าอยากทำลายโครงสร้างของอาชญากรรมข้ามชาติ จะต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องการฟอกเงิน ที่มโหฬารมากกว่าเงินงบประมาณแผ่นดินทั้งปีของไทย วันนี้เรากำลังต่อสู้กับเรื่องที่ใหญ่มากเงินเหล่านี้ไหลเข้าสู่ประเทศไทย บางส่วนถูกใช้เพื่อยึดอำนาจรัฐ บางส่วนถูกใช้เพื่อยึดบริษัทพลังงาน บางส่วนถูกใช้เพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมเดินได้

หากวันนี้รองนายกฯ ยังไม่นำพา ระดับรัฐมนตรียังเงียบ แม้นายไชยชนกจะออกมาแฉ บางคนบอกว่าเอาจริงแน่เลย แต่พอเอาจริงเริ่มส่งสัญญาณแปลก ๆ เราจะอยู่กันอย่างไร อยากให้ทุกคนได้ตระหนักว่าวันนี้เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดา เราอาจจะไม่รู้ตัวว่าประเทศเราอยู่ภายใต้ทุนสีเทาเหล่านี้จริง ๆ “นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า การส่งตัวแทนมาชี้แจงกับมาชี้แจงจริงต่างกันอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เขียนชัดเจนว่าเชิญ ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมลมาชี้แจงเอง ส่งตัวแทนมาไม่ได้ เพราะเราอยากฟังจากปาก ร.อ.ธรรมนัสโดยตรง กมธ.ให้เกียรติท่าน ที่ผ่านมารัฐมนตรีที่มา เราปฏิบัติด้วยดี ไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องของข้อมูล พยายามจะทำความเข้าใจกับ ร.อ.ธรรมนัสในฐานะที่เป็นประจักษ์พยานมาโดยตลอด แต่ท่าทีของ ร.อ.ธรรมนัส ทำให้เกิดความสงสัยว่าทำไม ร.อ.ธรรมนัสถึงช่วยนายเบน สมิธขนาดนี้ หากสุดท้ายพิสูจน์ว่ามีพยานหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ก็เอามาแสดง เพราะ กมธ.ก็เป็นหนึ่งในกลไกของรัฐสภา

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่อยากทราบจาก ร.อ.ธรรมนัสคือ ที่มาความสัมพันธ์กับนายเบน สมิธ เชื่อมโยงไปถึงการฟอกเงินว่า ร.อ.ธรรมนัสรู้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามได้รับเอกสาร 48 หน้า เป็นข้อมูลที่เปิดโปงให้เห็นอาณาจักรการฟอกเงิน มีตัวละครต่างๆ ไม่ใช่แค่นายเบน สมิธ แต่หลักฐานบางอย่างเป็นหลักฐานระดับทางการ ซึ่งเห็นหลายกลุ่มที่ชัดเจนมากขึ้น ข้อมูลส่วนนี้จึงเป็นประโยชน์ที่จะทำให้เราสามารถติดตามกระบวนการฟอกเงิน ธงของตนเองคือการฟอกเงิน ไม่ใช่แค่เรื่องตัวบุคคล ไม่ใช่เรื่องของ ร.อ.ธรรมนัสกับตนเอง ไม่ใช่แค่เรื่องของนายเบน สมิธ แต่เป็นเรื่องของการฟอกเงินที่ใหญ่มโหฬารในระดับที่อาจจะมีรัฐบางรัฐอยู่เบื้องหลัง เป็นความใหญ่ของสถานการณ์ที่กำลังเจอ หากรัฐบาลเอาจริงเอาจังและให้ความสำคัญกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ท่านต้องทำให้เห็นท่านต้องทำให้มากมากกว่านี้

เมื่อถามว่ามีรายชื่อนักการเมืองอยู่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอเก็บไว้ก่อนแต่ในเอกสาร มีบุคคลมากกว่า 1 คน ขอสื่ออย่ามาเล่นเกมทายตัวเลข เพราะในวันที่ 30 ต.ค.นี้ จะเชิญนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามาที่ให้ข้อมูลต่อ กมธ.ด้วย ทั้งนี้จะขอดูการประชุมวันนี้ว่า จะได้ข้อมูลมากน้อยแค่ไหน

เมื่อถามถึงเอกสาร 48 หน้าที่ได้รับมา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ได้ข้อชัดเจนมากขึ้นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องเครือข่ายอาชญากรรมที่มีความกว้างขวางมาก ตัวละครบางตัว หลายคนรู้จักอยู่แล้ว บางตัวก็อาจจะใหม่ ขอให้เวลาเราทำงานนิดหนึ่ง ความตั้งใจของตนในการแถลงนโยบายคือ ปฏิกิริยาของรัฐบาลว่าจะเอาจริงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่เราต้องพยามสอบหาเส้นเงิน จึงหวังว่าหน่วยงานรัฐจะได้ให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามในเอกสารมีการย้อนกลับไปเป็นประวัติศาสตร์ 20 ปี จากการตรวจสอบเบื้องต้นบางส่วนเป็นเอกสารราชการ และเอกสารของเอกชน ซึ่งมีแผนที่จะยื่นให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ต่อไป เพราะหากส่งเอกสารไปถึงหน่วยงานเลยคงต้องมาถึงมือตนเอง ทำไมไม่คิดว่าที่ตนเองมาพูดที่สภาฯ เพราะปัญหานั้นครั้งนั้นทอดมาเป็นเวลานาน ไม่เคยได้รับการแก้ไข ระดับ สส.พูดในสภาฯ แล้วเรื่องยังไม่มีความคืบหน้าหรือก้าวหน้าจากหน่วยงานรัฐอย่างเพียงพอ เราต้องเข้าใจว่าวันนี้เรากำลังเจอกับปีศาจร้ายที่ไม่ง่าย แฝงตัวอยู่ในอำนาจรัฐหรือไม่

ซักอีกว่า เอกสารนี้จะสะท้อนต้นตอความขัดแย้งของไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหากัมพูชาไม่ใช่แค่เรื่องของเขตแดนอย่างเดียว ขอให้ดูอากัปกิริยาของผู้นำกัมพูชาดูเป็นเรื่องส่วนตัวมาก นึกว่าแย่งสมบัติกัน มีความซับซ้อน ปัญหาเขตแดนมีมานานแล้ว มีกลไกในการแก้ปัญหาอยู่และมีความก้าวหน้าในบางระดับ อาจจะไม่เพอร์เฟคแต่มีความก้าวหน้า อาจจะมีปัญหาที่ท้าทายมากกว่าเพราะมีเรื่องผลประโยชน์ แต่ดูที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายจะเห็นความชัดเจนว่ามีกลุ่มทุนแปลก ๆ ไปซื้อหุ้นบริษัทหนึ่ง วันนี้พวกเราจึงต้องทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อนำเสนอให้กับประชาชนและมาบอกรัฐบาล เพื่ออยากเห็นนโยบายที่ชัดเจน เราทำหน้าที่ในฐานะ กมธ.อย่างดีที่สุด แม้รัฐธรรมนูญไม่ได้ให้อำนาจ กมธ.เยอะ แต่เราก็ทำดีที่สุด หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากบรรดาหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอำนาจหน้าที่

ส่วนกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า นายเบน สมิธ ที่รู้จักเป็นคนละคนกับที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากทีมงานของ ร.อ.ธรรมนัสไปตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ดี ๆ ก็จะเจอบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง แล้วจะเห็นว่ามีความเชื่อมโยงหลายอย่างเป็นร่องรอยที่สำคัญมาก ซึ่งข้อมูลหลายอย่างยืนยันและโยงไปในลักษณะนี้ อย่าไปคิดว่าชื่อไม่เหมือนกันแล้วเป็นคนละคน อย่าคิดว่าบริษัทที่ถูกสร้างเพื่อต้มตุ๋นคน จะต้องมีตัวละครจริง คนพวกนี้มีวิธีการทำให้คนเชื่อ และหลอกเอาเงินไปส่วนกรณีบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งที่ทาง ก.ล.ต. มีการดำเนินคดีและแจ้งความ ถ้าตนจำไม่ผิดอยู่ในอยู่ชั้นอัยการตั้งแต่ปี 2564 และ 4 ปียังไม่มีความคืบหน้า

เมื่อถามว่า มีหลักฐานพอที่จะเชื่อมโยง นายเบน สมิธ หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ส่วนการแจ้งดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจทำอย่างเต็มที่แน่นอน