'นิกร' ชี้มีเดดล็อก ขวางประชามติแก้รธน.ไม่ทันเลือกตั้งสส.

"นิกร" เตือนสภาฯ พิจารณา 4ปมสำคัญ เป็นเดดล็อกขวางประชามติแก้รธน. พร้อมวันเลือกตั้ง สส. แนะใช้กลไกเปิดประชุมวิสามัญ ก่อนต้องเลื่อนวันยุบสภาตามMOA
ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ แถลงต่อกรณีที่ที่ประชุมรัฐสภา นัดประชุมในวันที่ 14-15 ต.ค. เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวาระแรก ซึ่งขณะนี้มี 3 พรรคการเมืองเสนอร่างแก้ไขให้รัฐสภาพิจารณา ว่า ตนมองว่ากรณีดังกล่าวอาจจะมีประเด็นปัญหา โดยเฉพาะเนื้อหาของร่างแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคประชาชนที่กำหนดให้มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 100 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ซึ่งส่อว่าอาจจะขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดได้ นอกจากนั้นแล้วตนเห็นว่าในรายละเอียดของการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังมีประเด็นเรื่องเงื่อนไขด้านเวลาที่อาจทำให้ไม่สามารถทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้ทันพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.ทั่วไป หลังยุบสภา ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ระบุว่าภายในวันที่ 31 ม.ค.69 ได้
นายนิกร กล่าวต่อว่าขณะนี้มีกฎหมาย 4 ฉบับที่ไม่สอดคล้องกัน คือ
1.รัฐธรรมนูญ ซึ่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 10 ก.ย. กำหนดให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เริ่มต้นจากรัฐสภา ดังนั้นกระบวนการต้องมาจากรัฐสภา ไม่ใช่เริ่มมาจากรัฐบาลได้
2.กฎหมายเลือกตั้ง สส. กำหนดให้เมื่อมีการยุบสภาต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ในระยะเวลา 45- 60 วัน ดังนั้นหากยุบสภา วันที่ 31 ม.ค. 69 วันเลือกตั้งสส.ทั่วไปอาจจะเกิดในวันอาทิตย์ ที่ 29 มี.ค. 69
3.กฎหมายประชามติที่ขณะนี้ยังเป็นเนื้อหาฉบับเก่า ซึ่งกำหนดให้ต้องมีระยะเวลาก่อนทำประชามติไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งไม่สามารถทำในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งสส.ได้ แม้ว่าร่างกฎหมายประชามติฉบับแก้ไข จะปรับเนื้อหาให้ทำพร้อมกับการเลือกตั้งและ ปรับรระยะเวลาที่ต้องทำภายใน 60 -150 วันได้ แต่ขณะนี้ร่างแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติยังไม่มีผลบังคับใช้
4.ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ว่าด้วยประชุมเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“หากรัฐสภา นัดประชุมวาระแรกเพื่อพิจารณาการแก้รัฐธรรมนูญ 14-15 ต.ค. และต้องลงมติในวันที่ 15 ต.ค. ว่าจะรับหลักการหรือไม่ และตั้งกรรมาธิการ ซึ่งเชื่อว่ากมธ.จะมีเวลาทำงานในช่วงเดือน พ.ย. จนถึงวันที่ 12 ธ.ค. ที่จะเปิดสมัยประชุม ทั้งนี้รัฐสภาจะประชุมนัดแรกหลังเปิดสมัยได้ในวันที่ 17 ธ.ค. เพื่อพิจารณาวาระสอง จากนั้นต้องพักไว้ 15 วัน เพื่อลงมติว่าจะเห็นชอบทั้งฉบับหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือนธ.ค.นี้ ดังนั้นแม้จะผ่านการนำไปทำประชามติได้ตามกฎหมายฉบับเดิมต้องมีเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน ดังนั้นหากยุบสภาเวลาที่ใช้ทำประชามติเพื่อถามประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามคำถามแรก และคำถามที่สองจะไม่สามารถทำได้” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวว่า ทั้งนี้ตนมองว่ามีทางออกคือ อาจต้องให้รัฐสภาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ในช่วงกลางเดือน พ.ย. เพื่อพิจารณาวาระสอง ขณะที่วาระสามนั้นสามารถทำได้ในช่วงเปิดสมัยประชุม ซึ่งตนมองว่าจะทำให้มีเวลาเพียงพอต่อการทำประชามติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญพร้อมกับการเลือกตั้งสส.ทั่วไปในเดือนมี.ค.2569 ได้ อย่างไรก็ดีประเด็นทางกฎหมายที่ขัดกันนั้นน หากไม่หาวิธีแก้ไขให้ดี อาจทำให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญล้มทั้งยืน เพราะอาจมีผู้ไปยื่นร้องว่าทำผิดได้
เมื่อถามว่ากรณีที่ระบุนั้นมองว่าอาจต้องเลื่อนการยุบสภาหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า
ตนไม่พูดตรงนั้น เพราะจะทำให้ผิดคำพูดตามข้อตกลงทางการเมือง (เอ็มโอเอ) ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ที่กำหนดว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือน แต่หากไม่พิจารณาหาทางแก้ไขให้ดีอาจทำให้เป็นประเด็นที่ต้องขยับเงื่อนไขยุบสภาตามที่ข้อตกลงทางการเมืองระบุไว้







