ศาลสั่งคุก 4 ปี 4 เดือน 5 แกนนำ นปช.คดีม็อบไล่ 'รัฐบาลอภิสิทธิ์'

ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 5 แกนนำ นปช. 'วีระกานต์-จตุพร-ณัฐวุฒิ-หมอเหวง-อดิศร' คนละ 4 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีชุมนุมไล่ 'รัฐบาลอภิสิทธิ์' ทั้งหมดยื่นขอประกันตัว
KEY
POINTS
- ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 5 แกนนำ นปช. คนละ 4 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
- คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2552
- แกนนำทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และนายอดิศร เพียงเกตุ
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2568 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลนัดฟังคำพิพากษาครั้งที่2 คดี หมายเลขดำที่ อ.968/2561 พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมแกนนำ นปช. และแนวร่วม เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิด ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป สร้างความกระด้างกระเดื่องก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 31 ม.ค.– 9 เม.ย. 2552 พวกจำเลย ได้ร่วมกันชุมนุมขับไล่ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยปิดทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาล เพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี รวมถึงมีผู้ชุมนุมบางส่วนบุกไปยังบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี (ขณะนั้น) เพื่อกดดันให้ พล.อ.เปรม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี รวมทั้งการปิดล้อมสถานที่ราชการสำคัญ ๆ หลายแห่งใน กทม. โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
คดีนี้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาครั้งแรก แต่เนื่องจากนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 11 อยู่ระหว่างสมัยประชุมสภา ส่วนนายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลยที่10 มีพฤติการณ์ หลบหนี ศาลสั่งออกหมายจับ ปรับนายประกัน
โดยจำเลยทั้ง 13 คน ประกอบด้วย
1.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์
2.นายจตุพร พรหมพันธุ์
3.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
4.นพ.เหวง โตจิราการ
5.นายสิระ หรือสรวิชญ์ พิมพ์กลาง แกนนำคนเสื้อแดง จ.สกลนคร
6.นายนายณรงศักดิ์ มณี
7.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท
8.นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์
9.นายพายัพ ปั้นเกตุ
10.นายพงศ์พิเชษฐ์ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง
11.นายอดิศร เพียงเกตุ
12.นายพีระ พริ้งกลาง (เสียชีวิต)
13.นายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตนักแสดงชื่อดัง
โดยศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย ที่นำสืบหักล้าง แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบช.น. ในฐานะผู้บัญชาการสถานการณ์ และหัวหน้าผู้เจรจา และเจ้าพนักงานตำรวจ ที่ร่วมสืบสวนสอบสวนคดี เบิกความสอดคล้องทำนองเดียวกัน รวมทั้งหลักฐานจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพเหตุการณ์ต่างฯ ให้เห็นพฤติการณ์ของพวกจำเลย แม้จะเป็นการชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธตามสิทธิ โดยมีจำเลยที่ 1 2 3 4 และ 11 เป็นแกนนำ และเป็นผู้สั่งการแต่การชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อน และละเมิดสิทธิแก่ประชาชนทั่วไป
โดยพวกจำเลยจัดชุมนุมปราศรัยชักชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุม ปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ ยึดและเผารถโดยสารประจำทาง นับสิบคัน สร้างความเสียหายธนาคารพาณิชย์ หลายแห่ง และร้านสะดวกซื้อ ปิดทางเข้าสถานที่ราชการหลายแห่ง พยานโจทก์ ล้วนเบิกความไปตามจริง ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่รู้จักพวกจำเลยเป็นการส่วนตัว จึงไม่มีเหตุที่จะเบิกความใส่ร้ายปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนพยานหลักฐานจำเลย ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
การกระทำของพวกจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำผิดเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการมั่วสุมดังกล่าวแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคสาม อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
พิพากษาจำคุก นายวีระกานต์ จำเลยที่ 1 นายจตุพร จำเลยที่ 2 นายณัฐวุฒิ จำเลย ที่ 3 นพ.เหวง จำเลยที่ 4 และนายอดิศร จำเลยที่ 11 คนละ 6 ปี และฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุกคนละ 6 เดือน คำเบิกความของจำเลยทั้งห้า เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 2 3 4 และที่ 11 คนละ 4 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา
ส่วนจำเลยที่ 5 7 8 9 และที่ 13 มีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุกคนละ 6 เดือน ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก จำเลย5 7 8 9 และที่ 13 คนละ 4 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6 และที่ 10







