‘อภิสิทธิ์-มาดามแป้ง’ ความหวัง‘นายหัว’กอบกู้‘ปชป.’

เลือดเก่าไหลกลับอื้อซ่า สำหรับพรรคเก่าแก่อย่าง“ประชาธิปัตย์” ที่อยู่ในโหมดฟื้นฟู สู้เกมเสี่ยงสูญพันธุ์ ในการเลือกตั้งปี 69

สัญญาณคัมแบ็คของ"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 กลับมาค่อนข้างแน่ กับเงื่อนไขเดียวเท่านั้น คือตำแหน่ง“หัวหน้าพรรค”ต่อจากเฉลิมชัย ศรีอ่อน

นั่นเท่ากับว่าความชัดเจนในตัวของ“อภิสิทธิ์” คือ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เบอร์ 1 ในบัญชีพรรคสีฟ้า ในวันที่หันไปทางไหน ก็ยังหาใครในพรรคที่เหมาะจะขึ้นมานำทัพเหมือน“มาร์ค”ไม่ได้ ชื่อนี้เลยพอจะเป็นแม่เหล็กดึงคนเก่าๆ ของประชาธิปัตย์ กลับมาได้ค่อนข้างมาก

บิ๊กเนมหลายคนที่เตรียมย้ายไปภูมิใจไทย ต้องชะงักทันที เมื่อเบื้องหลังคนสำคัญในการทาบทามจัดทัพประชาธิปัตย์ คือ ชวน หลีกภัย ที่เดินเกมด้วยตัวเองเต็มกำลัง และอภิสิทธิ์ คือความหวังอีกครั้งของ“นายหัว”

ในส่วนของตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งมีบทบาทสำคัญเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักดูแลคนในบ้าน และขับเคลื่อนเกมอำนาจนอกพรรคหลายยุคที่ผ่านมา แม่บ้านพรรคนี้แทบจะมาในตำราเดียวกัน ต้องเป็นพวกใจใหญ่ คลุกวงในการเมืองแบบเข้มข้น จนภาพลักษณ์อาจจะดูไม่หล่อ เมื่อเทียบกับตำแหน่งอื่นๆ

แน่นอนว่า หลายคนมีเป้าหมายจะขึ้นเป็นเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ ให้ได้สักครั้งในชีวิต เพื่อเป็นโปรไฟล์ หรืออะไรก็ตาม หนึ่งในนั้นมีชื่อของ "ชัยชนะ เดชเดโช" ที่ถูกพูดถึงภายในพรรคค่อนข้างหนาหู ว่าอยากอัปเกรดสถานะตัวเองในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ท่ามกลางข้อสังเกตว่า อาจมีการเจรจาต่อรองแบบถึงพริกถึงขิง

สูตรในฝันที่คนในพรรคอยากเห็น คือ การได้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามามีบทบาทสำคัญในพรรคกับตำแหน่งเลขาฯ แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมาย เพราะเป้าหมายจริงๆ ที่ตั้งใจนั้น ว่ากันว่า ถ้าเธอต้องเข้าสู่เวทีการเมือง ก็ต้องตำแหน่งหัวหน้าพรรคเช่นเดียวกัน แต่เมื่อมีอภิสิทธิ์ ยืนพื้นอยู่แล้ว “มาดามแป้ง”ก็ไม่ประสงค์จะเป็นคู่ชิง

ตอนนี้จึงอยู่ระหว่างการรอคำตอบจากมาดามแป้ง ว่าพร้อมเข้ามาช่วยกอบกู้ประชาธิปัตย์แล้วหรือไม่ รวมถึงการจัดวางบทบาทที่เหมาะสมภายในพรรค ตรงนี้น่าจะมีส่วนต่อการตัดสินใจไม่มากก็น้อย ดังนั้น ตำแหน่งเลขาฯ พรรค คงไม่ใช่เธอ แต่อาจเป็นอีกคนที่คาดไม่ถึง 

โพลลับที่ทำขึ้นเพื่อเช็กกระแส ปรากฎว่า“อภิสิทธิ์” และ“มาดามแป้ง” คู่จิ้นการเมือง ส่งให้เรตติ้งประชาธิปัตย์กระเตื้องขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในจังหวะที่พรรคคู่แข่งปีกอนุรักษนิยม ทั้งพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ความนิยมกำลังถดถอยอย่างหนัก

พรรคสีฟ้าจึงน่าจะเห็นโอกาสสอดแทรก กลับมายึดพื้นที่เดิมของตัวเองใน กทม.อีกครั้ง 

อีกอย่างในพื้นที่เมืองหลวง ภูมิใจไทย ดูจะขยาดสนามนี้ เพราะไม่ใช่พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่จะตั้งเป้า สส.

ทางเพื่อไทยเอง กับสนาม กทม.แต่เดิมก็เจองานยากมาทุกรอบ เที่ยวนี้พอติดหล่มความขัดแย้งระหว่างไทยกับฮุน เซน และกัมพูชา ที่ยังกรุ่นในอารมณ์ของผู้คน ยิ่งต้องเหนื่อยขึ้นอีกหลายเท่าตัว กับสนามปราบเซียนที่หากเงื่อนไขเปลี่ยน คนกรุงฯ พร้อมทิ้งคนที่เคยเลือกแล้วเทคะแนนให้อีกคนแบบฉับพลัน ชนิดไม่ทันตั้งตัว

ขณะเดียวกัน พื้นที่ภาคใต้ นับวันยิ่งเป็นงานยากของประชาธิปัตย์ หลังจากโดนคู่แข่งโค่นเสาไฟฟ้าหักมาหลายพื้นที่ ตอนนี้ภูมิใจไทย และกล้าธรรม ลุยเต็มสูบ จนการแข่งขันในพื้นที่ดุเดือดที่สุดแทบจะสมรภูมิหนึ่งในประเทศ

ดีลโหดการเมืองแดนใต้ สะท้อนให้เห็นในหลายกลุ่มการเมืองในหลายจังหวัดด้ามขวาน ชนิดที่ฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อหู ด้วยมูลค่าที่ตีเป็นตัวเลขสูงลิบ ผสมผสานทั้งรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ เพื่อต่อท่อในเกมอำนาจไม่ให้ขาดช่วง

 ประชาธิปัตย์จะจัดกระบวนทัพสู้กับภูมิใจไทยและกล้าธรรมอย่างไร ในวันที่ต้องสู้กันด้วยกระสุนเป็นหลัก ตำราความสำเร็จเดิมของพรรคสีฟ้า ที่เน้นรูปหล่อ ภาพลักษณ์ดี ก็อาจสวนทางกับความเป็นจริงที่ภาคใต้ตอนนี้

ดูเหมือนรอบนี้ อภิสิทธิ์ เตรียมตัวค่อนข้างพร้อม จัดทัพว่าที่ ทีมนโยบาย กรรมการบริหารพรรค ภายใต้การนำของเขาไว้แล้วส่วนหนึ่ง 

ต้องติดตามว่า การประชุมใหญ่ 18 ต.ค.นี้ “มาร์ค”จะมาตามนัดพร้อมคีย์แมนหลักหรือไม่ และจะตอบโจทย์การฟื้นพรรคแค่ไหน ถือเป็นเดิมพันสำคัญของประชาธิปัตย์อีกครั้ง