ศึก3เส้า‘นโยบาย’ชิงแต้ม ภท.4+4-พท.‘ชินวัตร’ไม่ศิโรราบ

ศึก3เส้า‘นโยบาย’ชิงแต้ม ภท.4+4-พท.‘ชินวัตร’ไม่ศิโรราบ

จังหวะก้าวย่างในการแก้จุดอ่อน เติมจุดแข็ง ระหว่าง“3 ก๊ก”การเมือง เพื่อช่วงชิงการเป็นแกนนำรัฐบาล ในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นาน 

KEY

POINTS

  • การเมืองไทยกำลังเป็นศึก 3 เส้า ระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ที่ต่างใช้ "นโยบาย" เป็นเครื่องมือในการช่วงชิงคะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้ง หวังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลรอบหน้า 
  • พรรคภูมิใจไทยในฐานะรัฐบาลกำลังเดินหน้าตามสูตร "4+4" คือ "4 เดือนปูทาง - 4 ปีครองอำนาจ" โดยเร่งผลักดันสารพัดนโยบาย เพื่อสร้างคะแนนนิยม
  • พรรคเพื่อไทย แม้จะอยู่ในสถานะฝ่ายค้านและเผชิญปัญหาภายใน แต่ตระกูล "ชินวัตร" ยังแสดงจุดยืนว่า "ไม่ศิโรราบ" โดยประกาศจะผลักดันนโยบายที่เคยริเริ่มไว้ และเตรียมเปิดศึกซักฟอกรัฐบาล
  • พรรคประชาชน ซึ่งเป็นอีกขั้วอำนาจในศึก 3 เส้า กำลังเดินเกมชิงคะแนนเสียงผ่านนโยบาย "แก้รัฐธรรมนูญ" ฉบับประชาชน

ถอดรหัสการเมือง“3 ก๊ก” ผ่านเกม 3 สี ท่ามกลางสัญญาณการช่วงชิงแต้มต่อที่ไม่ได้มีแค่ “จุดยุทธศาสตร์” หรือ “ฐานที่มั่นการเมือง” ในแต่ละพื้นที่เท่านั้น

แต่ยังหมายถึงการต่อสู้ช่วงชิงแต้มต่อใน “เชิงนโยบาย” เพื่อตุนแต้มตุนกระสุนไปถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววัน 

“พรรคภูมิใจไทย” ที่เวลานี้กุมอำนาจฝ่ายบริหาร เริ่มต้นจาก “รัฐบาลเฉพาะกิจ” 4 เดือน ก่อนประกาศยุบสภาภายในวันที่  31 ม.ค.2569

เวลานี้เห็นสัญญาณชัดว่า กำลังเดินเครื่อง “นโยบายเร่งด่วน” หวังสร้างคะแนนนิยม ปูทางไปสู่การเป็นรัฐบาลสมัยสองภายใต้ “สูตร 4+4”  คือ “4 เดือนปูทาง-4 ปีครองอำนาจ” 

ฉะนั้นนอกเหนือจากยุทธศาสตร์ยิง“กระสุน” ตุนแต้มด้วยการ “ดีล-ดูด-ดึง” สารพัดซุ้มการเมือง สานฝันการเป็นพรรค100+ เพื่อชิงเกมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว 

ช่วงเวลาเดียวกัน ยังเห็นชัดถึงจังหวะก้าวย่างของ “พรรคสีน้ำเงิน” ในเดินเกม ดึง“กระแส”ประชานิยม ผ่านบรรดานโยบายที่กำลังจะถูกปล่อยออกมาต่อจากนี้ ทั้งโครงการคนละครึ่งพลัส ที่จะเริ่มวันที่ 20 ต.ค.

นโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทน นโบายลดค่าใช้จ่ายขนส่งและเดินทาง ผ่านมติครม.วันที่ 30 ก.ย. ขยายมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทั้งสายสีแดงและสายสีม่วง ที่เดิมสิ้นสุดในวันนี้ ออกไปอีก 2 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.- 30 พ.ย.2568 

ขณะที่สายอื่นๆ ที่เหลือมีการปรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในยุครัฐบาลเพื่อไทย กลายเป็น “ตั๋วบุฟเฟต์” เพดาน 30 บาท/วัน เป็นต้น

ศึก3เส้า‘นโยบาย’ชิงแต้ม ภท.4+4-พท.‘ชินวัตร’ไม่ศิโรราบ

ไหนจะนโยบาย “ชาตินิยม” ดันยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา ทั้งฉบับ 2543 และ 2544 หรือการไฟเขียวล้อมรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)เห็นชอบไปเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา 

ต่างๆ เหล่านี้ บ่งบอกว่า “ภูมิใจไทย”กำลังเล่นบทซื้อใจโหวตเตอร์ หวังขยายฐานเสียงอย่างเร่งด่วน ในช่วงเวลาจำกัด 120 วัน เพื่อโกยเรตติ้งไปสู่การเลือกตั้งในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้ 

 พท.ยกเครื่อง “ชินวัตร”ไม่ศิโรราบ

ตัดมาที่“พรรคเพื่อไทย”ซึ่งอยู่ในช่วงขาลง จากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เวลานี้ตกอยู่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ไม่ต่างจากชะตากรรมของ 2 พ่อลูก ทั้ง“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้นำจิตวิญญาณในยามสิ้นอิสรภาพ ถูกคุมขังในเรือนจำ 

ล่าสุดขั้นตอนขอพระราชทานอภัยโทษรอบสอง ได้ผ่านขั้นตอนกระทรวงยุติธรรม 

ตามคำยืนยันจาก พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ระบุว่า ได้ใช้อำนาจในฐานะรัฐมนตรีปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 261 โดยถวายความเห็นประกอบพระราชดำริ เพื่อส่งคืนเรื่องให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณานำความกราบบังคับทูลพระกรุณาตามขั้นตอนต่อไป

“ในส่วนความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเอกสารซึ่งมีชั้นความลับของทางราชการ จึงไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้” รมว.ยุติธรรม ระบุ

ขณะที่ชะตากรรมทางการเมืองของ “นายน้อย” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลังถูกศาลวินิจฉัยพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในคดีคลิปเสียง ส่งผลไปถึงฉากทัศน์การเมืองในอนาคต ที่อาจหมดสิทธิ์ลงสนามการเมือง  

ไม่ต่างจาก“เกมดุลอำนาจ” พรรคเพื่อไทยที่เปลี่ยนไป จุดนี้จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ ในการแก้สมการ “พรรคต่ำร้อย” ตามการคาดการณ์ของบรรดาสำนักโพล รวมถึงกูรูการเมือง  

ศึก3เส้า‘นโยบาย’ชิงแต้ม ภท.4+4-พท.‘ชินวัตร’ไม่ศิโรราบ

เห็นชัดจากแคมเปญ “ยกเครื่องเพื่อไทย-ยกเครื่องประเทศไทย” ส่งสัญญาณเพื่อไทยพร้อมไปต่อ อีกนัยก็เพื่อเช็กศักยภาพกำลังพลทางการเมือ หวังหยุดกระแสเลือดไหลที่กำลังเกิดขึ้นเวลานี้ 

วิสัยทัศน์ที่ “แพทองธาร” นำเสนอผ่านคลิปยาว 23 นาที เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยพยายามให้ความมั่นใจ มุ่งมั่นจะกลับมาแก้มือ 

โดยยืนยันว่า หากพรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง จะเดินหน้าผลักดันนโยบายต่อเนื่องที่เคยริเริ่มไว้ เช่น รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โครงการบ้านเพื่อคนไทย ทุนเพื่อเด็กทุกระดับ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน เป็นต้น 

นอกจากนี้ การปรากฏตัวของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของทักษิณ ที่พบปะให้กำลังใจสมาชิกพรรคเพื่อไทย 

ยังเป็นสัญลักษณ์การเมือง ในการยืนยันว่า“ชินวัตร” ยังไม่ถึงคราวศิโรราบต่ออำนาจการเมืองในเวลานี้ 

เหนือไปกว่านั้นต้องจับตา “พรรคเพื่อไทย” ที่พลิกบทบาท มาเป็นพรรคฝ่ายค้านเต็มตัว ยังเหลือเวทีโชว์ฟอร์มอีก 1 นัด นั่นคือการเปิดศึกซักฟอก“รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย”  ตามไทม์ไลน์ถ้าไม่ยื่นญัตติภายในสิ้นเดือนต.ค.ก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 30 ต.ค. ก็อาจทิ้งช่วงไปถึงวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งสภาฯจะเปิดสมัยประชุมอีกครั้ง 

เท่ากับว่า เพื่อไทยจะต้องยื่นซักฟอกไม่เกินเดือนม.ค. เพื่อมิให้รัฐบาลอาศัยข้ออ้างตามรัฐธรรมนูญที่เมื่อยื่นญัตติซักฟอกแล้วรัฐบาลจะไม่สามารถยุบสภาฯได้ เพื่อยื้อไทม์ไลน์ยุบสภาฯ ภายในวันที่ 31 ม.ค.2569 ออกไป  

ศึก3เส้า‘นโยบาย’ชิงแต้ม ภท.4+4-พท.‘ชินวัตร’ไม่ศิโรราบ

ปชน.เกมมวลชนแก้รธน.ฉบับประชาชน

ขณะที่ “พรรคประชาชน” ที่มีบทเรียนจากการเสนอนโยบายก้าวหน้า โดยเฉพาะการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว

จนเป็นเหตุให้ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ขณะที่“44 สส.”เวลานี้ยังติดบ่วงดาบสองในคดีจริยธรรม ที่ยังคงค้างคาอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

ต้องจับตาจังหวะก้าวย่างของพรรคส้ม เวลานี้กำลังเล่นเกมมวลชน โหมโรงนโยบาย“แก้รัฐธรรมนูญ” ฉบับประชาชนหวังผลไปถึงการตุนแต้มส้มในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้  

ศึก3เส้า‘นโยบาย’ชิงแต้ม ภท.4+4-พท.‘ชินวัตร’ไม่ศิโรราบ

เช็คเรตติ้ง“น้ำเงิน-แดง-ส้ม”

เช็คเรตติ้งการเมืองในช่วงนับถอยหลังสู่สนามเลือกตั้ง ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 28ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจ “คะแนนนิยมการเมือง” ไตรมาส 3/68 

คำถามอยู่ที่ บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯอันดับ 1 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 27.28% 

อันดับ 2 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน 22.80%  

อันดับ 3 อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค เพื่อไทย 20.44%

อันดับ 4  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย 7.16%

และ อันดับ 5  ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย 6.76%

ส่วนพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้

 อันดับ 1 พรรคประชาชน 33.08% 

อันดับ 2 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 21.64% 

อันดับ 3 พรรคเพื่อไทย13.96 %  

อันดับ 4 พรรคภูมิใจไทย 13.24%  

อันดับ 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ 6.12% 

น่าสนใจว่า ในส่วนของ “เท้ง” ณัฐพงษ์ มีคะแนนนิยมลดลง จากไตรมาสแรก มีคะแนนนิยมอยู่ที่25.80%  ไตรมาส2 มีคะแนนนิยมอยู่ที่31.48% 

ขณะที่ “อนุทิน”  มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น จากไตรมาสแรก ขณะนั้นยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 2.85%  

เช่นเดียวกับไตรมาส 2  ซึ่งยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 9.64 %

ขณะที่คะแนนนิยมรายพรรค พบว่า พรรคประชาชน มีคะแนนลดลง จากไตรมาสแรก คะแนนนิยมอยู่ที่37.10% ไตรมาส2 มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 46.08

เช่นเดียวกับ พรรคเพื่อไทย มีคะแนนลดลงจาก ไตรมาสแรก คะแนนนิยมอยู่ที่ 28.05% แต่เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 2 มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 11.52%  

ส่วนพรรคภูมิใจไทย มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก คะแนนนิยมอยู่ที่ 3.35%  ไตรมาส 2 มีคะแนนนิยมอยู่ที่ 9.76%

ปรากฎการณ์เหล่านี้ สะท้อนจังหวะก้าวย่างในการแก้จุดอ่อน เติมจุดแข็ง ระหว่าง“3 ก๊ก”การเมือง เพื่อช่วงชิงการเป็นแกนนำรัฐบาล ในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นาน