ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+ พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+  พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

ผ่ายุทธศาสตร์ ‘ 2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท. ‘ดีล-ดูด-ดึง’ สมการ 100+ พท.พลิกเกมดีเอ็นเอ ‘ชินวัตร’ ปชน.บทเรียนคดี ม.112 พลิกเกมชง 3 แคนดิเดตนายกฯ

KEY

POINTS

  • พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตั้งเป้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยสมการ สส. 100 คนขึ้นไป (100+) โดยใช้ยุทธศาสตร์ "3 นิยม" คือ ชาตินิยม ประชานิยม และการดึงนักการเมืองบ้านใหญ่ (พิมพ์นิยม) เข้าสังกัด
  • พรรคเพื่อไทย (พท.) ยังคงดำเนินกลยุทธ์ทางการเมืองภายใต้เงาของตระกูล "ชินวัตร" โดยพยายามเปลี่ยนความสงสารกรณีทักษิณถูกคุมขังให้เป็นคะแนนเสียง และมีบุคคลในตระกูลเข้ามามีบทบาทนำ
  • พรรคประชาชน (ปชน.) ซึ่งสืบทอดมาจากพรรคก้าวไกล ได้ถอดบทเรียนจากการเสนอนโยบายแก้ไขมาตรา 112 และการมีแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว โดยเตรียมเสนอชื่อแคนดิเดต 3 คนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
  • การเมืองไทยกำลังเข้าสู่โหมดการต่อสู้เลือกตั้งแบบ "2 ขั้ว" ที่พรรคการเมืองต่างๆ รวมถึงพรรคของ "2 ลุง"กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ตลาดแตก

ปี่กลองเริ่มส่งสัญญาณนับถอยหลังการเมืองสู่โหมดเลือกตั้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่บรรดาพรรคการเมืองต่างฝ่ายต่างงัดสารพัดกระบวนท่าออกมาต่อสู้ฟาดฟันเพื่อช่วงชิงคะแนนนิยม 

พรรคภูมิใจไทย อย่างที่รู้กันหลังชิงเกมรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล สานฝัน “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็น “นายกฯหนู” ได้สำเร็จ เวลานี้กำลังเดินเกมการเมืองภายใต้ ยุทธศาสตร์  “3นิยม”  ที่ไม่ใช่แค่การชิงเกมเพื่อเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน

แต่เป้าหมายสำคัญ อยู่ที่การเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสมัยหน้า

เหมือนดังที่ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่สีน้ำเงิน เคยพูดในพิธีปะกำช้างเนื่องในวันเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ ปีที่แล้ว ให้ครูปะกำช้างเป่ามนต์ “ผูกให้เป็นนายกฯ” จนส่ง “อนุทิน” เป็นนายกฯ ได้สำเร็จ 

มาปีนี้ “ครูใหญ่” พูดในพิธีปะกำช้าง ที่ จ.บุรีรัมย์ เนื่องในวันเกิดปีที่ 67 เมื่อวันที่ 4 ต.ค.68 ที่ผ่านมา “ขอให้เป็นนายกฯ อีก 4 ปี”

ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+  พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

 

เป็นการตอกย้ำการเมือง “ภูมิใจไทยสไตล์” ที่หวังเป็นพรรค100+ ชิงเกมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เห็นชัดจากเวลานี้กำลังเดินเกม “ดีล-ดูด-ดึง” ภายใต้ยุทธศาสตร์ “3 นิยม” ทั้ง ชาตินิยม โดยใช้ประเด็น “ปกป้องอธิปไตย” และการแก้ปัญหาชายแดนเป็นเครื่องมือสร้างกระแสความนิยม 

อย่าลืมว่า พื้นที่แนวชายแดน โดยเฉพาะในโซนภาคอีสานอย่าง จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ และจ.อุบลราชธานี เกือบทั้งหมดล้วนเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคภูมิใจไทยแทบทั้งสิ้น

ประชานิยม เห็นชัดสารพัดนโยบายประชานิยมที่รัฐบาลกำลังจัดหนักจัดเต็ม ทั้งนโยบายคนละครึ่งพลัส ซึ่งมีเสียงตอบรับในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และจะเริ่มต้นได้ในเดือนต.ค. ยังไม่นับรวมสารพัดนโยบายที่จะถูกปล่อยออกมาหลังจากนี้ 

ต้องจับตาการประชุม ครม.สัญจร ซึ่งล็อกเป้าไปที่พื้นที่เขตปัญหาไทย- กัมพูชา ในแถบอีสานใต้ ตอกย้ำการตุนกระสุนเตรียมพร้อมการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+  พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

นิยมสุดท้ายคือ การเมือง “พิมพ์นิยม” แน่นอนว่าภายใต้สมการภูมิใจไทยที่หวังเป็นพรรค100+ เพื่อชิงเกมจัดตั้งรัฐบาลในวันที่กระแสอาจไม่ท็อปฟอร์มเหมือนพรรคส้ม บรรดาสารพัดบ้านใหญ่จากเหนือจรดใต้

จึงกลายเป็นสุดยอด “พิมพ์นิยม”ที่พรรคสีน้ำเงินต้องการมากที่สุด

โดยเฉพาะภาคอีสานที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่พรรคสีน้ำเงินจำต้องตีเมืองขึ้นให้ได้มากที่สุด  ไม่ต่างจากภาคใต้ซึ่งรอบนี้ขยับเป้าจากเดิม “12ตั๋วผู้แทน”  ในรอบที่แล้ว เป็น “30 ตั๋วผู้แทน”  เพื่อเติมเสียงให้ถึงเป้าหมาย “สมการภูมิใจไทย100+”

 “กล้าธรรม” สมการ 70 ตั๋วผู้แทน

พรรคกล้าธรรม เป็นอีกหนึ่งพรรคที่เวลานี้สไตล์เดินเกมคล้ายภูมิใจไทย ด้วยการโปร “ดีล-ดูด-ดึง” สารพัดซุ้มการเมืองหวังเติมเสียงให้อยู่ใน “ระดับต่อรอง” ในสมการการเมืองรอบหน้า

ตามสมการที่  “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”  รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เคยประกาศ พรรคกล้าธรรมตั้งเป้ากวาด สส.70 คน ในการเลือกตั้ง สส.ต้นปี 2569

จับสัญญาณเวลานี้ ล่าสุดคือ กรณี ของ “พ่อใหญ่กุ่ย” ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลราชธานี หลายสมัย บ้านใหญ่ตระการพืชผล รอบที่แล้วเจออิทธิฤทธิ์แป้งมันพันล้านสอบตก แพ้ “พิมพกาญจน์ พลสมัคร” จากพรรคไทรวมพลัง

แน่นอนว่า ท่ามกลางความระส่ำระสายบวกความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ “พ่อใหญ่กุ่ย” จึงเป็นหนึ่งใน สส.ที่ปิดตำนานค่ายนายใหญ่หันไปซบค่ายผู้กอง ได้รับรางวัลตอบแทนด้วยตำแหน่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

เหนือไปกว่านั้นต้องจับตาสนามเลือกตั้งอีสานที่กำลังเกิดปรากฏการณ์ตลาดแตกในเวลานี้ตามสมการ “กล้าธรรม 70 อัป”  ว่ากันว่า นอกเหนือจาก “ชูวิทย์กุ่ย” แล้วยังมี สส.อีสานอีกนับสิบชีวิตที่เตรียมย้ายค่ายย้ายชายคาเช่นเดียวกัน 

ไม่ต่างจากโซนภาคใต้ เวลานี้เห็นการเดินเกมแบบรุกหนักของ “ซุ้มผู้กอง” อาทิ ซุ้มสงขลาของ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่รอความชัดเจนหลังเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ในวันที่ 18 ต.ค.68 นี้ เป็นต้น

ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+  พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

พท.แปรความสงสารเป็นคะแนน

ข้ามขั้วไปที่ “ซีกฝ่ายค้าน” อย่าง “พรรคเพื่อไทย” ในห้วงที่ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่เพื่อไทย สิ้นอิสรภาพถูกคุมขังในเรือนจำเวลานี้

ทว่าหากจับจังหวะก้าวย่างพรรคเพื่อไทยเวลานี้ ทั้งการปรากฏตัวของ “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ ภริยาอดีตนายกฯ ซึ่งปรากฏตัวให้กำลังใจ สส.ที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา

ย่อมเป็นการตอกย้ำการขยับบทบาทจาก “สตรีหลังม่าน” แปรเปลี่ยนสถานะเป็น “ผู้นำจิตวิญญาณ” ตัวจริง 

หรือจะเป็นการเดินเกมกู้สถานการณ์ในสภาวะติดลบ ทั้งการโยนชื่อคนในตระกูลชินวัตร อย่าง “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” เขยชินวัตร ที่อาจไต่เต้าขึ้นสู่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งรอบหน้า ตอกย้ำดีเอ็นเอพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ภายใต้ “แบรนด์ชินวัตร”  

ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+  พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

ไหนจะเล่นบท “แปรความสงสาร” เป็น “คะแนน”  ฉายภาพไปถึงโอกาสรวมถึงสารพัดนโยบายที่เสียไปในวันที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล โหมโรงแคมเปญ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ในวันที่ 7 ต.ค. ส่งสัญญาณเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

หรือแม้แต่การแสดงวิสัยทัศน์จาก “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมถึงกิจกรรมเปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.หวังสยบกระแสเลือดไหลที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ไปในคราวเดียวกัน 

ล่าสุดยังมีกรณีการประกาศยกเลิกหาเสียง จ.กาญจนบุรี เปลี่ยนเป็นลงพื้นที่เยี่ยมพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ใน จ.อุตรดิตถ์ และ จ.สุโขทัย

ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่บรรดาซุ้มการเมืองขั้วตรงข้ามกำลังสาละวนอยู่กับการเบิร์ธเดย์ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” หวังฉายภาพให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่าง ความสำคัญกับการแก้ปัญหาพี่น้องประชาชน กับการเบิร์ธเดย์นักการเมือง

  ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+  พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

ปชน.ถอดบทเรียนชง 3 แคนดิเดตนายกฯ 

ขณะที่พรรคประชาชน ที่แปรสภาพมาจากพรรคก้าวไกลรอบนี้ แม้เวลานี้ยังมีกระแสป๊อปปูล่า เป็นอันดับหนึ่ง ทว่าจากบทเรียนในกรณีการเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว

จนเป็นเหตุให้ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ขณะที่ "44 สส." เวลานี้ยังติดบ่วงดาบสองในคดีจริยธรรม ที่ยังคงค้างคาอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

เหนือไปกว่านั้นอีกหนึ่งบทเรียนของพรรคส้มในรอบที่ผ่านมาคือการเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว กลับกลายเป็นจุดอ่อนทำให้พรรคส้มไม่สามารถเสนอชื่อ แคนดิเดตนายกฯ ในวันที่เกิดสมการพลิกได้ 

กลายเป็นไฟต์บังคับให้พรรคส้มต้องจับมือ “พรรคสีน้ำเงิน” เพื่อโหวต “อนุทิน” เป็นนายกฯ ภายใต้เงื่อนไขไม่ร่วมรัฐบาล จนถูกค่อนแคะว่าเป็น “ฝ่ายค้ำ” ไม่ใช่ “ฝ่ายค้าน” ในเวลานี้ 

ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+  พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

แน่นอนว่าบทเรียนที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นโจทย์สำคัญของพรรคส้มในการเลือกตั้งรอบนี้

ที่ว่ากันว่า เตรียม 3 ชื่อแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกหลังจากนี้ 

ไม่ต่างจากวาทะ “มีเราไม่มีลุง”ที่แม้จะทำให้พรรคส้มได้รับคะแนนถล่มทลาย

ทว่าการเมืองรอบที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าวาทะดังกล่าว กลับกลายเป็นดาบสองคมที่กลับมาทิ่มแทง "พรรคส้ม" กลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ไม่สามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด

พรรค “2 ลุง” ปรากฏการณ์ตลาดแตก 

ขณะที่ พรรค “2 ลุง” ซึ่งถูกจัดอยู่ในฐานะพรรคตัวแปรในสมการ เวลานี้เห็นได้ชัดว่า กำลังเกิดปรากฏการณ์ตลาดแตก 

“ฝั่งลุงบ้านป่าฯ” ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเนื้อหอม หลังมีการเปิดตัวนักการเมืองซุ้มต่างๆ ที่มีทั้ง เกรดเอ บีบวก ลงไปถึงเกรดซี  ทว่าจากกรณีของกลุ่มมะขามหวาน เพชรบูรณ์ ย้ายสำมะโนครัวยกกลุ่ม ทั้งตระกูลพร้อมพัฒน์ และกลุ่ม “นายกด๊อยซ์”  อัครเดช ทองใจสด ปลายอยู่ไปที่ “พรรคสีน้ำเงิน”

ไหนจะซุ้ม สส.ใต้ที่เตรียมซบภูมิใจไทย ไม่ต่างจาก “ซุ้มชากังราว” ของวราเทพ รัตนากร ที่มีข่าวเตรียมคืนรังเพื่อไทย(ดีลก่อนเปลี่ยนขั้วการเมือง)

ทำให้เวลานี้เกิดคำถามว่า อำนาจและบารมีของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่แม้ก่อนหน้าพยายามซื้อใจซุ้มต่างๆ ด้วยการสละอำนาจไม่รับเก้าอี้รัฐมนตรี  ถึงเวลานี้ถึงคราวอัสดงแล้วหรือไม่อย่างไร 

จะว่าไปตามสไตล์ "ลุงป้อม" ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "พยัคฆ์" ในทางการเมืองแล้ว จับจังหวะก้าวย่างเวลานี้ดีๆ มองเผินๆ เหมือนว่า ลุงกำลังสวมบท "เสือหมอบ" แต่ลึกๆ แล้วอาจซ่อนไว้ซึ่งเขี้ยวเล็บอีกมากเป็นได้

 

ผ่าเกม '2 ขั้ว’ สู้เลือกตั้ง ภท.สมการ 100+  พท.ในเงา ‘ชินวัตร’

ไม่ต่างจากพรรค “อดีตลุงเบอร์1” อย่าง “รวมไทยสร้างชาติ” ที่เวลานี้กำลังระส่ำระสาย กลุ่มของสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ชัดเจนแล้วว่า ปลายทางคือ พรรคสีน้ำเงิน 

ขณะที่กลุ่มของ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” อดีตเลขาฯ พรรค หลังการลาออกจากตำแหน่งเลขาฯ พรรคของ “เอกนัฏ” ส่งผลให้ความเคลื่อนไหวบรรดา สส.และซุ้มการเมืองในสายเอกนัฏจนถึงเวลานี้กำลังแตกฉานซ่านเซ็น

ว่ากันว่า เวลานี้มีความเคลื่อนไหวทั้งจาก “พรรคสีฟ้า” โดย “ผู้มากบารมี” ที่กุมเสียงส่วนใหญ่

ช่วงที่ผ่านมาพยายามเปิดดีลทั้งผ่าน “อดีตเลขาฯ ขิง” ขน สส.คืนรังเก่า แต่ติดตรงที่บางกลุ่ม บางซุ้มการเมืองได้เปิดดีลกับพรรคสีน้ำเงินไปแล้ว 

เห็นชัดจากการที่ซุ้มชุมพร ที่ปิดดีลพรรคสีน้ำเงิน สมัครสมาชิกไปก่อนหน้านี้ 

แถมยังต้องจับตาซุ้มอื่นๆ โดยเฉพาะซุ้มเมืองหอยใหญ่ ของ “ชุมพล กาญจนะ”  รวมถึงซุ้มอื่นที่เหลือหลังจากนี้ว่าจะดำเนินการเมืองบนเส้นทางใด 

นอกเหนือจาก สส.เขตแล้ว ช่วงที่ผ่านมา “ผู้มากบารมี” รวมถึงสมาชิก และอดีตสมาชิกพรรคสีฟ้า ยังมีการพบปะสังสรรค์ รวมถึงชักชวนสมาชิกรวมไทยสร้างชาติส่วนที่เหลือให้หวนคืนบ้านเก่า เป็นระยะ

โดยเฉพาะกลุ่ม สส.บัญชีรายชื่อและอดีต สส. ที่เป็นอดีตคนสีฟ้า ทั้ง ไตรรงค์ สุวรรณคีรี  หรือ ในส่วนของ“แม่เลี้ยงติ๊ก”  ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เป็นต้น

จะมีแค่เฉพาะบางคนที่ “ผู้มากบารมีสีฟ้า” ขีดชื่อทิ้งต่างคนต่างเดิน เนื่องจากเคยมีแผลเมื่อครั้งยังอยู่พรรคสีฟ้าในอดีต

ปชป.จับตา“อภิสิทธิ์” คัมแบ็ก

แน่นอนว่าท่ามกลางกระแสดีล-ดูดที่ถูกส่งมาจากพรรคสีฟ้าในเวลานี้ ยังต้องจับตาหลังวันที่18 ต.ค.68 ซึ่งจะมีการเลือกหัวหน้าพรรครวมถึงกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

หากไม่เกิดเกมพลิกเสียก่อน ชื่อที่มาแรงที่สุดในเวลานี้หนีไม่พ้น “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรค ด้วยสัญลักษณ์การเป็นดีเอ็นเอสีฟ้าของแท้ จึงถูกมองว่า อาจเป็นแม่เหล็กดึงเลือดเก่าไหลกลับดังที่เห็นความเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้

แถมยังกู้เรตติ้งพรรคสีฟ้าที่ติดลบให้ฟื้นคืนกลับมาในคราวเดียวกันอีกด้วย 

ทั้งหมดทั้งมวลสะท้อนให้เห็นว่า สัญญาณการเมืองท่ามกลางปี่กลองเลือกตั้งที่ดังขึ้นเป็นระยะในเวลานี้ ยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่บรรดาพรรคการเมืองกำลังงัดสารพัดกระบวนท่าออกมาต่อสู้ฟาดฟันกันชนิดไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์