ผ่าเกม ‘กล้าธรรม’ รุกแดนอีสาน ปักหมุดอุบลฯ - ต่อยอด จว.รอยต่อ

ยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม รุกคืบอีสานตั้งเป้าเจาะไข่แดง สส.อุบลราชธานี ได้ "ชูวิทย์ กุ่ย" เป็นที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ จับตาสถานการณ์การเมืองใน จ.อุบลราชธานี
KEY
POINTS
- พรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดึงตัว ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลราชธานี จากพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นฐานที่มั่นสำคัญในการขยายอิทธิพลในภาคอีสาน
- การย้ายพรรคของ "ชูวิทย์ กุ่ย" และได้เป็นที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ อาจมีผลทำให้ "กล้าธรรม" ปักธง สส.อุบลราชธานี ต่อยอดจากอุบลราชธานีไปยังจังหวัดรอยต่อ เช่น อำนาจเจริญ ยโสธร และศรีสะเกษ
- จับตาการเมือง จ.อุบลฯ ศึกเลือกตั้งใหญ่ 69 ไม่ใช่งานง่ายสำหรับ "พรรคเพื่อไทย" ต้องต่อสู้กับพรรคภูมิใจไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคไทรวมพลัง พรรคกล้าธรรม โดยมีพรรคประชาชนสอดแทรกตัดแต้ม
- สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ จะยังอยู่พรรคเพื่อไทยหรือไม่หลังยุบสภา หลังบิดาลาออกจากสมาชิกพรรค
“ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม รุกคืบล้ำแดน “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ดูดขุนพลแดนอีสานเข้าสังกัด
ปักหมุดที่ “เฮียกุ่ย” ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ตัดสินใจทิ้งพรรคเพื่อไทย ด้วยการยื่นลาออกสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2568
ว่ากันว่า “เฮียกุ่ย” ชูวิทย์ คิดไว้นานแล้วกับการตัดสินใจลาออกพรรคเพื่อไทย บ้างก็ว่ามีกระแสข่าวว่ามีเพื่อนอดีต สส.ด้วยกันรั้งเอาไว้ไม่ให้ออก จนท้ายที่สุดก็ต้านทานการตัดสินใจของ “ชูวิทย์” ไว้ไม่ได้
ต้องยอมรับว่ากระแสการเมืองใน จ.อุบลราชธานี รอบนี้ของค่ายเพื่อไทยนั้น ไม่ได้ง่ายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะด้วยปัจจัยที่เป็นการเมืองบ้านใหญ่ กระแสพรรคการเมืองจึงเป็นรองต่อสรรพกำลังของตัวผู้สมัคร แถมเคราะห์ซ้ำต้องมาเผชิญกระแสชาตินิยมที่ไม่เป็นผลดีต่อพรรคด้วย
จับตาความเคลื่อนไหวล่าสุดของตัวผู้สมัคร สส.ใน จ.อุบลราชธานี นับถอยหลังอีก 4 เดือนจะมีการยุบสภาในปลายเดือน ม.ค. 2569 เพื่อเลือกตั้งใหญ่ราวสิ้นเดือน มี.ค. ถึงต้นเดือน เม.ย. 2569
เขต 1 “วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์” จะยังคงต้องลงรักษาพื้นที่เดิมไว้ให้กับพรรคเพื่อไทยต่อไป ส่วนคู่ต่อสู้สำคัญยังคงเป็นกระแสของพรรคสีส้ม ที่จะมาเบียดคะแนนตัวบุคคล เพราะเขตเมือง จ.อุบลฯ ขึ้นอยู่กับกระแสพรรคและตัวบุคคลเป็นหลัก แต่ “วรสิทธิ์” ยังได้เปรียบในกลไกอำนาจรัฐจากท้องถิ่น
เขต 2 ตระกูลนามบุตร จะยังลงรักษาพื้นที่ สส.ไว้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เขตนี้ยากที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยจะเจาะเข้าไปได้ แต่ต้องจับตาว่าปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์จะจบอย่างราบรื่นหรือไม่
สำหรับเขต 3 อ.ม่วงสามสิบ อ.เหล่าเสือโก้ก อ.ดอนมดแดง และ อ.ตาลสุม เป็นของผู้สมัครพรรคไทรวมพลัง คือ พิมพกาญจน์ พลสมัคร แม้ภาพรวมเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 จะล้มช้างเอาชนะ “ชูวิทย์ กุ่ย” ได้ แต่เมื่อกลับมาล้างตาการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ พรรคเพื่อไทยพลิกชนะ 42,918 คะแนน ขณะที่โรงแป้งได้เพียง 29,037 คะแนน ทำให้เขตนี้ “ชูวิทย์ กุ่ย” หมายมั่นว่าจะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้
เขต 4 จุดแข็งของพรรคเพื่อไทย อ.วารินชำราบ และ อ.สำโรง (เฉพาะตำบลบอน ตำบลโคกก่อง และตำบลสำโรง) กิตติ์ธัญญา วาจาดี จะยังเป็นขุมกำลังให้กับค่ายแดง
เขต 5 ยากที่พรรคเพื่อไทยจะล้มช้างได้ อ.ตระการพืชผล อ.กุดข้าวปุ้น เป็นเขตของเจ้าถิ่น “สุทธิชัย จรูญเนตร” พรรคภูมิใจไทย ได้รับเลือกตั้ง 44,121 คะแนน ซึ่งผลคะแนนนายก อบจ.อุบลฯ พรรคเพื่อไทยก็พ่ายแพ้ให้เขตนี้ อีกทั้งค่ายน้ำเงินถือแต้มต่อมีกลไกอำนาจรัฐในมือ
เขต 6 ธัญธารีย์ สันตพันธุ์ พรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกตั้ง 43,430 คะแนน เขตนี้กระแสตัวบุคคลของพรรคเพื่อไทยยังดีอยู่ มีคะแนนจัดตั้งที่เคยเอาชนะทุกพรรคขาดลอย แต่อาจได้รับผลกระทบจากคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยที่ลดลง
เขต 7 อ.ศรีเมืองใหม่ อ.โขงเจียม อ.สิรินธร อ.พิบูลมังสาหาร เป็นเขตของลูกสาวชูวิทย์ สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ พรรคเพือไทย ได้รับเลือกตั้ง 38,533 คะแนน เอาชนะ เชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ พรรคภูมิใจไทย ที่ได้ 33,499 คะแนน
ก่อนหน้านี้ “กานต์” สุดารัตน์ มีกระแสข่าวอาจเดินออกจากพรรคเพื่อไทยตามบิดา ภายหลังยุบสภา แต่ล่าสุด “กานต์” ออกมายืนยันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ยังเป็น สส.เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หัวใจเพื่อเธอเหมือนเดิม
ล่าสุด “ชูวิทย์ กุ่ย” เปิดตัวกับ ร.อ.ธรรมนัส ในตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ในโควตาพรรคกล้าธรรม
เมื่อมีสัญญาณยุบสภาเกิดขึ้น จึงต้องจับตา “กานต์ สุดารัตน์” จะยังอยู่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ในนาทีสุดท้าย
ขณะที่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดนายเกรียงยืนยันว่า การลาออกของ “ชูวิทย์” ไม่ได้เกิดจากการแตกหักหรือขัดแย้งกับนายเกรียงแต่อย่างใด เพราะ “ชูวิทย์” และ“เกรียง” ยังเคารพซึ่งกันและกัน
ว่ากันว่า ปัจจัยการลาออกของอดีต สส.10สมัย ไม่ใช่มาจากตัว “นายเกรียง” แต่น่าจะมาจากปัจจัยหลัก พรรคเพื่อไทยไม่ให้ที่ยืนกับ “ชูวิทย์” อีกทั้ง “ยี่ห้อเฮียกุ่ย”เป็น สส.ประสบการณ์สูง หากเลือกเดินออกจากพรรคจึงไม่กระทบต่อฐานเสียงตัวเองและลูกสาวแห่งบ้านใหญ่ “พิทักษ์พรพัลลภ”
ขณะที่ เขต 9 อ.นาจะหลวย อ.บุณฑริก อ. สิรินธร (เฉพาะตำบลโนนก่อ) ประภูศักดิ์ จินตะเวช พรรคเพื่อไทย ได้ 30,851 คะแนน แต่แพ้ให้ รำพูล ตันติวณิชชานนท์ พรรรคไทยสร้างไทย 31,311 คะแนน ส่วนคะแนนตอนนายก อบจ.อุบลฯ ประภูศักดิ์ สามารถพลิกกลับมาชนะได้
เขตนี้พรรคเพื่อไทย ยังคงส่ง ประภูศักดิ์ เพราะตัวผู้สมัครออกแรงขยับลงพื้นที่อยู่ตลอดเพื่อหวังล้ม สส.คนปัจจุบัน ขณะที่ รำพูล ยังไม่แน่ชัดว่าจะเลือกพรรคสีน้ำเงินหรือพรรคกล้าธรรม
เขต 10 อ.น้ำยืน อ.น้ำขุ่น อ.ทุ่งศรีอุดม อ.เดชอุดม และ อ.สำโรง เคยเป็นของ “สมคิด เชื้อคง” ตั้งแต่ปี 2554 และปี 2562 ต้านทานสรรพกำลังอาวุธหนักของค่ายโรงแป้ง พรรคไทรวมพลังไม่ไหว แพ้ขาดลอยในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2566
เขตนี้มีแนวโน้มว่า "สมคิด" อาจเว้นวรรคลงสมัคร และเปิดทางให้ สจ.ปาน วัชรพล เชื้อคง ลงสมัคร สส.แทน เพราะฐานเสียงของ สจ.ปาน สามารถทำแต้มขึ้นมาได้ในการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ เมื่อปี 2567 ทว่ายังคงพ่ายแพ้ให้กับ "โรงแป้งมัน" บ้านใหญ่หวังศุภกิจโกศล
สำหรับ อีก 2 เขตนั้นค่ายภูมิใจไทย กินรวบได้ไม่ยาก คือ เขตของ “แนน บุญย์ธิดา สมชัย” และ “ ตวงทิพย์ จินตะเวช”
ปรากฏการณ์ทิ้งพรรคเพื่อไทยของ “ชูวิทย์” ไม่ใช่คนแรกของพรรคเพื่อไทยที่เดินออกจากพรรคนายใหญ่ แม้เจ้าตัวจะอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับนายใหญ่ชินวัตรมาตั้งแต่ปี 2544
ยี่ห้อ “ชูวิทย์ กุ่ย” ยังมีเครือข่ายพื้นที่จังหวัดรอยต่อ “เมืองอุบล” ที่สามารถดึงดูด “สส. - อดีต สส.” ให้มาร่วมชาย “กล้าธรรม” ได้อีกหลายคน
โดยพื้นที่เป้าหมาของ “ธรรมนัส - ชูวิทย์ กุ่ย” โฟกัสไปที่ จ.อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ ว่ากันว่า “อดีต สส. อำนาจเจริญ” ที่สนิทชิดเชื้อกับ “ชูวิทย์ กุ่ย” ขึ้นป้าย “กล้าธรรม” เรียบร้อยแล้ว
จับตากลเกมของ “ธรรมนัส - กล้าธรรม” ในการจัดเตรียม “ขุนพลการเมือง” เจาะฐานเสียง “ทักษิณ - เพื่อไทย” ในภาคอีสานรุกคืบขยายอาณาจักรของตัวเอง เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งปี 2569







