5 สส.ปชน.ประสานเสียงจี้สภาฯผ่านร่าง กม. PRTR หลังเหตุไฟไหม้ระยอง

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2568 พรรคประชาชน (ปชน.) เผยแพร่ข้อมูลว่า ช่วงเช้าวันนี้ ที่ใจกลางเมือง ระยอง เกิดเหตุไฟไหม้ร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องจักร และสารเคมีประเภทน้ำมันหล่อลื่น จนเกิดเป็นเปลวเพลิงก้อนใหญ่ ส่งผลกระทบต่อผู้คนและอาคารบ้านเรือนข้างเคียง ทำให้การจราจรติดขัด และเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตัดไฟฟ้าในพื้นที่รอบบริเวณที่เกิดเหตุ

จะว่าไป จ.ระยอง เป็นหนึ่งในจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสาธารณภัยบ่อยครั้งมาก และแต่ละครั้งจะมีความเสียหายยิ่งใหญ่รุนแรง เพราะมักเกิดในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โรงงานปิโตรเลียม โรงงานวัสดุที่มีคุณสมบัติไวไฟ จนกรณีล่าสุด ร้านขายวัสดุใจกลางเมืองระยอง แต่หากเรามาไล่ดูรายละเอียดสถานที่ของเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ จะพบความน่าสะพรึงอยู่ในนั้น กล่าวคือ

1.ร้านค้าดังกล่าวตั้งอยู่ใจกลางเมืองระยอง ขายวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง การอุตสาหกรรม มีขนาดเทียบเท่ากับอาคารพาณิชย์ประมาณ​ 6 คูหา

2.แม้หน้าร้านไม่ใหญ่มาก แต่ต่อมาพบว่ามีโกดังเก็บสินค้าอยู่หลังร้าน โดยจากการประมาณการณ์ เชื่อว่ามีพื้นที่มากกว่า 4,000 ตารางเมตร

3.ในการเข้าฉีดน้ำดับเพลิงขั้นแรก มีการใช้น้ำเป็นหลัก แต่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จึงมีการใช้สารเคมีโฟม จึงจะสามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้(ขณะนี้ยังรอตรวจสอบ) จึงมีการคาดการณ์กันว่าในคลังดังกล่าวอาจมีการจัดเก็บวัสดุและสารเคมีที่มีคุณสมบัติไวไฟไว้เป็นจำนวนมาก และโดยเฉพาะ น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้สำหรับเครื่องจักร

4.และในบริเวณรอบๆ ที่ติดกับอาคารที่ไฟไหม้ มีปั๊มน้ำมันที่มีถังจัดเก็บเชื้อเพลิงขนาด 48,000 ลิตร และมีอาคารหอพักและโรงแรมอยู่ใกล้เคียงกันอีกหลายอาคารด้วย เรียกได้ว่า “ใจกลางชุมชน ใจกลางเมือง” อย่างแท้จริง แต่ยังโชคดีที่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสามารถควบคุมเพลิงได้ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องบานปลาย จนกลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้ง

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลให้ 5 ผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน จ.ระยอง ประสานเสียงกันเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎร เร่งผ่านร่างกฎหมาย PRTR ชื่อเต็มว่า “พระราชบัญญัติการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม” ที่ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรได้รับหลักการ (ผ่านวาระ 1 จากทั้งหมด 3 วาระ) ในวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมานี้เอง โดยประโยชน์ของร่างกฎหมายดังกล่าวมีหลายประการ เช่น

ถ้ามีกฎหมาย PRTR ประชาชนจะตรวจสอบได้ว่า โรงงาน เหมืองแร่ รวมถึงทุกกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมรอบชุมชนของตนเอง มีการปล่อยมลพิษอะไรสู่สิ่งแวดล้อมบ้าง ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน น้ำเสีย หรือขยะพิษ ขยะอุตสาหกรรม เมื่อตรวจสอบได้ชุมชนก็สบายใจ อุตสาหกรรมที่ทำถูกต้องในเรื่องของสิ่งแวดล้อมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้ง หรือใส่ร้ายอีกต่อไป

ถ้ามีกฎหมาย PRTR เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่นเหตุระเบิด ไฟไหม้ ฯลฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการปัญหาได้อย่างตรงจุด หากเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้หรือระเบิดของโรงงานสารเคมี หน่วยงานจะทราบปริมาณสารมลพิษที่มีอยู่ทั้งหมดในโรงงานทันที สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา และเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพสารเคมี และยับยั้งเหตุ หรืออย่างน้อยก็ออกคำเตือนต่อประชาชนบริเวณโดยรอบได้ทันท่วงที

ถ้ามีกฎหมาย PRTR ประชาชนจะเลือกที่อยู่อาศัยโดยรู้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากสารมลพิษรอบตัว ระแวดระวังภัย และเกิดการซักซ้อมความรู้ความเข้าใจหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยงแบบที่หลายชุมชนต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ขณะนี้ นายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรค ปชน. พร้อมกับทีมงาน ได้สแตนบายหน้างานเพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยหวังว่าจะไม่เกิดเหตุไฟปะทุอีกครั้ง หากพี่น้องประชาชนผู้ใดได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว หรือมีเรื่องร้องเรียน ขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ทันที

ภาพและข้อมูลจาก: พรรคประชาชน - People's Party