‘พปชร.’ เลือดทะลักขุนพลตีจาก นับถอยหลัง ‘ลุงป้อม’ ปิดบ้านป่า

‘พปชร.’ เลือดทะลักขุนพลตีจาก นับถอยหลัง ‘ลุงป้อม’ ปิดบ้านป่า

“ลุงป้อม” คงโทษใครไม่ได้ที่พรรคร่วงมาถึงจุดนี้ เป็นเพราะหัวขบวนแกว่ง เดินผิด ตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนที่หวังดีกล้าสะท้อนความจริงเพื่อแก้ปัญหา กลายเป็นคนไม่โปรดปราน แต่คนที่พูดจาฉอเลาะ เอาอกเอาใจ พูดแต่สิ่งที่นายอยากฟัง กลายเป็นที่ชื่นชอบ ทั้งที่หารู้ไม่ว่าเจตนาที่แท้จริงของคนเหล่านี้ หวังช่วยลุงใช้ในสิ่งที่ลุงใช้ไม่หมด

KEY

POINTS

  • สันติ พร้อมพัฒน์ ย้ายไป ภท. ถือเป็นการสูญเสียกำลังสำคัญของ พปชร.
  • 6 สส.เพชรบูรณ์ เตรียมไปนับรวมค่ายน้ำเงินอย่างแน่นอน
  • พปชร.เผชิญวิกฤติเลือดไหลมาตลอด ตอนนี้เหลือเพียง 13 คน ซึ่งส่วนใหญ่เตรียมย้ายพรรคหนีเช่นกัน
  • ความตกต่ำของพรรค ส่วนสำคัญเป็นผลมาจากการตัดสินใจผิดพลาดซ้ำๆ ของประวิตร หลายเรื่อง ทั้งเชิงยุทธศาสตร์ และการใช้คน

กลายเป็นเรื่องชาชินไปแล้วสำหรับภาวะเลือดไหลออกของบรรดาแกนหลักใน พรรคพลังประชารัฐล่าสุด สันติ พร้อมพัฒน์ พร้อมด้วยลูกชาย พัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข ได้ฤกษ์สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อย หลังรำมวยอยู่นานสองนาน เทียวไปเทียวมากับบิ๊กสีน้ำเงินจนคนเลิกตื่นเต้นไปแล้ว

การไปของ “สันติ” จะหอบลูกทีม สส.เพชรบูรณ์ ทั้ง 6 เขต ได้แก่ พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ,จักรัตน์ พั้วช่วย , บุญชัย กิตติธาราทรัพย์ , วรโชติ สุคนธ์ขจร รมช.สาธารณสุข , วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ และ อัคร ทองใจสด ติดสอยห้อยท้ายไปด้วย

ทั้ง 6 สส. แม้ในทางนิตินัยยังมีชื่อสังกัดพลังประชารัฐ แต่ในทางพฤตินัยรอแค่เวลายุบสภาเท่านั้น ก่อนโยกย้ายตาม "สันติ" ไปร่วมงาน "บ้านสีน้ำเงิน" 

ก๊วนมะขามหวาน ของสันติ นับว่าเป็นกลุ่มการเมืองที่เข้มแข็งที่สุดจังหวัดหนึ่ง แต่กว่าจะผนึกกำลังกับตระกูลบ้านใหญ่ “สันติ” ต้องต่อสู้ทางการเมืองกับ “เอี่ยม ทองใจสด” อย่างหนักหน่วงจนฝ่ายหลังบอบช้ำอย่างหนัก เข้าขั้นแทบหมดตัว

สุดท้ายแทนที่จะสู้กันต่อ ซึ่งมีแต่จะเจ็บตัวเพิ่ม ก็ลงเอยร่วมดีลเป็นพันธมิตรการเมือง โดยตระกูลทองใจสด รับบทบาทคุมฐานเสียงในพื้นที่ เบอร์ 1 วันนี้คือ นายก ด๊อยซ์ อัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ลูกชายของเอี่ยม ผู้เป็นพ่อ สส. อัครเดช ว่ากันว่า เก้าอี้ รมช.สาธารณสุข ของวรโชติ คือ โควตาของนายก ด๊อยซ์ ส่วนเก้าอี้ รมว.สาธารณสุข ของพัฒนา คือโควตาของสันติ ซึ่งทั้งหมดจะกลายเป็นมะขามหวานน้ำเงิน

เท่ากับว่าก๊วนเพชรบูรณ์ คว้ารัฐมนตรี ได้น้ำได้เนื้อสุดในพลังประชารัฐ เก้าอี้ที่เหลือ คือ รมว.แรงงาน โดย ตรีนุช เทียนทอง ลูกเลิฟลุงป้อม ก็ไม่ค่อยจะมีใครแน่ใจว่า ตอนไปดีลกับภูมิใจไทย ลุงป้อมจะรู้ทันลูกพรรคที่เดินเกมเพื่อตัวเองหรือไม่

ส่วนที่ลุงป้อมไม่รู้แน่ๆ น่าจะเป็นเก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวตั้งตัวตีที่ซุ่มเดินเกมดีล คือก๊วน สส.ใต้ นำโดย ทวี สุระบาล รับบทป๋าดันจน สันติ ปิยะทัต ได้ตำแหน่งสำเร็จ

งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้ สส.ใต้ พลังประชารัฐ ที่รู้ว่าถ้าดีลกับคนแบบไหน ต้องใช้วิธีการอย่างไร ประเภทดีลปากเปล่า ไม่มีอะไรกองไว้ให้เห็น ก็อย่าหวังจะได้ ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าคนที่นั่งเก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตัวนี้ จะได้คุมสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

ช่วง 4 เดือนรัฐบาลที่นับถอยหลังสู่การยุบสภา เลือกตั้งใหม่ พลังประชารัฐ ก็ยังแก้ไม่ตกกับคนไหลออกไม่หยุด ของเดิมที่ว่าน้อยแล้วเหลือ 19 สส. หักก๊วนเพชรบูรณ์ ออก 6 คน จะเหลืออยู่แค่ 13 ชีวิต ได้แก่

กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย ,ขวัญเรือน เทียนทอง สส.สระแก้ว ตรีนุช สส.สระแก้ว , คอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา , ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร, โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.สิงห์บุรี ทวี สุระบาล สส.ตรัง อนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร ปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร วิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร สุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช และบิ๊กป้อม สส.บัญชีรายชื่อ

โดย 12 สส.ที่เหลือ ถ้าไม่นับ “ลุงป้อม” ต่างก็มีจุดหมายใหม่แทบทั้งหมดแล้ว หลักๆ คือ ภูมิใจไทย บางส่วนไป เพื่อไทย พูดง่ายๆ ใครออกไปไม่ใช่เรื่องแปลก คนที่แปลกคือคนที่ยังอยู่ต่างหาก

ในจังหวะที่พลังประชารัฐ อ่อนแรงเผชิญนิวโลว์หรือจุดต่ำสุดใหม่ไปเรื่อยๆ เช่นนี้ จึงเป็นงานยากที่ “บิ๊กป้อม” จะกอบกู้สถานการณ์ให้กลับมาเป็นอย่างวันเก่าๆ

ส่วนหนึ่ง “ลุงป้อม” คงโทษใครไม่ได้ที่พรรคร่วงมาถึงจุดนี้ เป็นเพราะหัวขบวนแกว่ง เดินผิด ตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนที่หวังดีกล้าสะท้อนความจริงเพื่อแก้ปัญหา กลายเป็นคนไม่โปรดปราน แต่คนที่พูดจาฉอเลาะ เอาอกเอาใจ พูดแต่สิ่งที่นายอยากฟัง กลายเป็นที่ชื่นชอบ ทั้งที่หารู้ไม่ว่าเจตนาที่แท้จริงของคนเหล่านี้ หวังช่วยลุงใช้ในสิ่งที่ลุงใช้ไม่หมด

เลือดใหม่ที่ถูกเติมเข้ามาแทบทั้งหมด ต้องยอมรับความจริงว่า หลายคนประสบการณ์สูง แต่ศักยภาพในบริบทปัจจุบัน สู้คู่แข่งลำบาก พลังประชารัฐ จึงมีแนวโน้มถดถอยได้มากกว่านี้ จนอาจถึงขั้นไปต่อไม่ไหว

ทางเพื่อไทยเอง ก็กำลังเผชิญความไม่แน่นอน หลายคนตั้งท่าทิ้งพรรค ส่วนภูมิใจไทย ก็คึกคัก คนเข้าเยอะจนปวดหัว บางคนที่ตกขบวนหรือมาทีหลัง แว่วว่าเสนอดีลคนละครึ่งกับพรรคดูแลกลุ่มก๊วนตอนเลือกตั้ง เพื่อจะได้มีที่ทางให้ยืนต่อไป

ชั่วโมงนี้แม้ “ลุงป้อม” จะประกาศเข็น “พลังประชารัฐ” ลงสนามเลือกตั้งปี 2569 แต่เช็กชื่อ “ขุนพล” ที่ทยอยโบกมือลาต่างเป็น “บิ๊กเนม” ที่พอจะหวังผลได้ “พลังประชารัฐ” มีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ มาวันนี้อาจจะนับถอยหลัง ปิด “บ้านป่ารอยต่อ” เหมือนที่ “ลุงป้อม” เคยประกาศไว้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์