ถกแผนลับสยบ'ฮุน เซน' สมช.ตรวจสภาพ กัมพูชา

ถกแผนลับสยบ'ฮุน เซน' สมช.ตรวจสภาพ กัมพูชา

ท่าที "นายกฯอนุทิน" ไม่ได้ออกแนวบู๊ หรือขู่ใช้มาตรการเด็ดขาดกับกัมพูชา แต่เลือกวิธีค่อยๆ นวด ค่อยๆ คลึง โดยใช้เรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ต่างประเทศ และการทหาร กดดันจนกว่ากัมพูชายอมจำนน

KEY

POINTS

  • "อนุทิน" ได้รับฟังแผนผลักดันคนกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยไทย 200 ครอบครัว
  • เส้นตาย "ผู้ว่าฯสระแก้ว" หลังวันที่10 ต.ค.หาก "ผู้ว่าฯบันเตียเมียนเจย" ไม่ส่งแผนอพยพคนออกจากพื้นที่ประเทศไทย จะบังคับใช้กฎหมาย
  • กัมพูชาได้เลือกช่วงเวลาดังกล่าว เชิญ ทภ.1 ประชุม RBC วันที่ 10-12 ต.ค.มีนัยสำคัญ

พื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว คือหัวข้อสำคัญในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)เมื่อ 2 ก.ย.2568 โดยมี "อนุทิน ชาญวีรกุล" นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน 

ในที่ประชุม "อนุทิน" ได้รับฟังบรรยายการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านกลไกทวิภาคี การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา(RBC) การประชุมคณะกรรมการทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) การประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วม(JBC)ในห้วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กองทัพบกได้รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังหยุดยิง กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงใช้กลยุทธ์ยั่วยุหวังผลในเวทีนานาชาติ

โดยเหตุการณ์ สลับไปมาระหว่างพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) เป็นการใช้มวลชนรุกล้ำอธิปไตย และกดดันการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไทย ส่วนกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) เป็นการใช้กำลังทหาร และอาวุธคุกคามต่อทหารไทย 

พร้อมประเมินท่าทีฝ่ายกัมพูชายังไม่จริงใจและไม่พร้อมเจรจาในเวทีทวิภาคีอย่างแท้จริง วัดได้จากข้อตกลงหลายประการยังไม่นำไปสู่การปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม

การปราบปรามสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซนเตอร์ ฝ่ายกัมพูชารับปากจะเสนอแผนกวาดล้างแหล่งที่ตั้งอาชญากรรม 60 จุดภายในประเทศ หลังประชุมร่วมกับฝ่ายไทยที่ จ.สระแก้ว เมื่อ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

แผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด กัมพูชาไม่ตอบรับในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 พื้นที่ต้นเรื่อง รวมถึงแผนถอนอาวุธหนัก และกำลังทหารออกจากพื้นที่ นอกจากไม่มีแนวโน้มเกิดขึ้น ยังเพิ่มเติมกำลัง และอาวุธหนักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกองทัพไทยได้สรุปแนวทางการสร้างรั้วชายแดน เริ่มในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว รวมระยะทาง 23.6 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ไม่มีปัญหาแนวเขตแดน เนื่องจากมีคลองลึก และคลองพรมโหดเป็นเส้นแบ่งเขตธรรมชาติที่ชัดเจน

โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงจุดตรวจอรัญ 09 ถึงหลักเขตที่ 49 ความยาว 6.5 กิโลเมตร และช่วงหลักเขตที่ 50–51 ความยาว 17.1 กิโลเมตร 

หลังจบการรายงาน "อนุทิน" ได้รับฟังแผนผลักดันคนกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยไทย 200 ครอบครัวใต้เส้นสีแดง ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นการจัดทำร่วมกันระหว่างกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ

เส้นตาย "ผู้ว่าฯสระแก้ว" หลังวันที่10 ต.ค.หาก "ผู้ว่าฯบันเตียเมียนเจย" ไม่ส่งแผนอพยพคนออกจากพื้นที่ประเทศไทย จะบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และ พ.ร.บ.ป่าไม้ ตามที่ได้ติดประกาศ และได้ทำหนังสือแจ้งไปก่อนล่วงหน้าแล้ว

กัมพูชาได้เลือกช่วงเวลาดังกล่าว เชิญ ทภ.1 ประชุม RBC วันที่ 10-12 ต.ค.ที่  จ.เตียเมียนเจย ซึ่งเลื่อนมาจากรอบที่แล้วช่วงปลายเดือน ก.ย. อย่างมีนัยสำคัญ

แหล่งข่าวความมั่นคงระบุว่า ฮุน เซน กำลังประเมินท่าทีผู้นำใหม่ของไทย จริงจังมากน้อยเพียงใด เรื่องการบังคับใช้กฎหมายกับคนกัมพูชา ใน 2 พื้นที่ดังกล่าว เพราะหากฝ่ายไทยจริงจัง เขาก็ลำบาก จึงเลือกช่วงเวลา 10-12 ต.ค. ประชุม RBC ประเมินท่าที จะได้เตรียมแผนตั้งรับ เชื่อว่ากัมพูชาคงไม่เสนอแผนอพยพคนแน่นอน

ในขณะ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 สั่งให้ ทภ.1 ทำหนังสือตอบกลับไปยังฝ่ายกัมพูชา หากการประชุม RBC ในวันที่ 10-12 ต.ค. ไม่มีหัวข้อการหารือเรื่องแผนการอพยพคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้วออกจากพื้นที่ ก็ขอเลื่อนการประชุมออกไปก่อน จนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องดังกล่าวมาหารือ


มีรายงานข่าวว่า ในที่ประชุม สมช. ได้ชี้แจงแผนและขั้นตอนการปฏิบัติ ในการบังคับใช้กฎหมายต่อคนกัมพูชา โดยบูรณาการกำลังฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ เน้นมาตรการเบาไปหาหนัก พร้อมปฏิบัติการทันทีหลัง 10 ต.ค. แต่ต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม เพราะกังวลเรื่องมือที่สามสร้างสถานการณ์ให้มีการบาดเจ็บและเสียชีวิต จะกลายเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายกัมพูชาลากไทยไปศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ผสมโรงเรื่อง 3 ปราสาท 1 พื้นที่ ซึ่งยื่นเรื่องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

สอดคล้องกับการแถลงของ นายกฯอนุทิน ย้ำว่า ต้องใช้กฎหมายที่ถูกต้อง และคำนึงหลักมนุษยธรรม รวมถึงผลกระทบที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นกฎอัยการศึก พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ซึ่งกองทัพบก จะต้องไปหารือกับผู้ว่าฯสระแก้ว รวมถึงกระทรวงมหาดไทย

"นี่คือประชาชน ไม่ใช่ทหาร เราต้องคำนึงถึงวิถีชีวิตเนื่องจากคนลำบากอยู่แล้ว มีทั้งเด็ก สตรี คนชรา พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลจะผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำออกจากพื้นที่ในเวลาที่เหมาะสม
ส่วนไทม์ไลน์วันเวลาขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และคงไม่ใช่วันที่ 10 ต.ค. นี้ "นายกฯ กล่าวและว่า

เราไปบอกที่สหประชาชาติ ว่าเราไม่ใช่ผู้รุกราน แต่เป็นเราต่างหากที่ถูกรุกราน ฉะนั้นเราต้องรักษาสถานะตรงนี้  แต่เรื่องของการป้องกันอธิปไตย กองทัพมีความพร้อมในการป้องกันอธิปไตยและแผ่นดิน

นอกจากนี้ กองทัพบกยังรายงานที่ประชุม สมช. เรื่องจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ย่างเข้าเดือนที่ 3 กัมพูชาได้รับผลกระทบอย่างหนักด้านเศรษฐกิจ ขาดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ วัดได้จากคนกัมพูชาลักลอบเข้าไทยเพื่อมาทำงานต่อเนื่อง

ด้านกองทัพกัมพูชา ทหารเหนื่อยล้า ทิ้งฐานปฏิบัติการบางพื้นที่ ส่วนอาวุธ-ยุทโธปกรณ์ร่อยหรอ เพราะใช้ไปกับการสู้รบกับไทยในห้วง 5 วัน และมีเหลือสำรองไม่มากนัก

ทว่า สถานการณ์ยังเดาทิศทางได้ยาก เนื่องจากอุปนิสัย ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ค่อนข้างดื้อรั้น ยังการันตีไม่ได้ว่า การปะทะรอบใหม่จะไม่เกิดขึ้น

ปัจจุบัน กองทัพไทยมีความพร้อมรบ 100% มีการจัดเตรียม อาวุธ กระสุน รบได้ยาวนาน ในขณะเดียวกันได้สับเปลี่ยนกำลังพลหยุดพักเพื่อคลายความเหนื่อยล้า

จึงปรากฎท่าที "นายกฯอนุทิน" หลังประชุม สมช.ไม่ได้ออกแนวบู๊ หรือขู่จะใช้มาตรการเด็ดขาดดำเนินการกับกัมพูชา แต่เลือกวิธีค่อยๆ นวด ค่อยๆ คลึง โดยใช้เรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ต่างประเทศ และการทหาร เข้ากดดัน จนกัมพูชายอมจำนนไปเอง

เพราะหากบุ่มบ่ามใช้ไม้แข็ง บ้านหนองจาน กับหนองหญ้าแก้ว จะเป็น"ไฮไลต์" จุดเปลี่ยนของฝ่ายไทย จากเหยื่อ และผู้ถูกรุกรานที่ย้ำในเวทีนานาชาติจะกลายเป็นผู้บุกรุกเสียเอง