ทบ. เผย ผบ.ทบ. ย้ำ มทภ.1-มทภ.2 เกาะติดชายแดน ปัดตอบ ยกเลิก-คงไว้ MOU43

ทบ. เผย ผบ.ทบ. ย้ำ  มทภ.1-มทภ.2 เกาะติดชายแดน  ปัดตอบ ยกเลิก-คงไว้ MOU43

โฆษก ทบ. เผย ผบ.ทบ. ย้ำ "มทภ.1-มทภ.2" เกาะติดชายแดน ชี้ กัมพูชา ใช้กิจกรรมตัวนำ ยั่วยุ หวังฟ้องสังคมโลก ปัดตอบ ยกเลิก-คงไว้ MOU43

เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีมีเสียงปืนยิงเข้ามาฝั่งไทยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ว่า จากการตรวจสอบ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการใช้อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนเล็ก หรือเครื่องยิงลูกระเบิด ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในห้วง 2 - 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กัมพูชาพยายามเน้นการสื่อสารไปยังสังคมโลก เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ต่อฝ่ายไทย เชื่อว่าทุกฝ่ายคงรู้เท่าทัน จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เข้าเงื่อนไขของทางกัมพูชา ที่จะนำไปใช้ในเวทีสังคมโลก จะเห็นได้ว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงถึงยุทธวิธีของกัมพูชา 

โดยการนำกิจกรรมมาเป็นตัวนำ เช่น การชุมนุมของคนกัมพูชา ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งจะนำภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไปขยายผลต่อ จะเห็นว่าเราใช้กำลังของฝ่ายปกครองซึ่งไม่ใช่ทหารไปดูแลความเรียบร้อย กัมพูชาจึงไม่สามารถนำไปขยายผลได้ 

นอกจากนี้ คนกัมพูชามีท่าทีที่ก้าวร้าว และมีการใช้ความรุนแรงอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ซึ่งมองว่าฝ่ายไทยยังรับมือได้ ในการนำข้อเท็จจริงไปชี้แจงต่อประชาคมโลกได้ ดังนั้นเป้าหมายของกัมพูชาที่จะทำให้สังคมโลกมองไทยไปในทิศทางที่ไม่ดียังไม่ได้ผล 

นอกจากนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่2 ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมอย่างสูงสุด และการดูแลกำลังพล เนื่องจากต้องใช้เวลาในการปฎิบัติหน้าที่ จึงต้องใช้ความอดทนอดกลั้น 

เมื่อถามว่าจะมีการประชุมอาเซียนที่ประเทศมาเลเซียห่วงหรือไม่ว่ากัมพูชาจะใช้วิธีการยั่วยุสร้างสถานการณ์เหมือนในห้วงที่ผ่านมา พล.ต.วินธัย กล่าวว่า สถานการณ์ต้องติดตามวันต่อวัน ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ แต่สิ่งที่กัมพูชาเคลื่อนไหวมีสองลักษณะ คือ จังหวัดสระแก้ว ใช้มวลชนจัดตั้งมาอย่างเป็นระบบ ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่2 เป็นการใช้อาวุธ ขณะที่รูปแบบอื่นๆยังไม่ชัดเจน 

เมื่อถามว่าMOU 43 ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ และการให้ความเห็นทั้งสองลักษณะ ซึ่ง MOU 43 เรายึดถือและปฏิบัติมา แต่ปัญหามีการละเมิดประมาณ 500 ครั้ง และไปจบที่การประท้วง ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขหรือปรับปรุงอย่างแท้จริง ส่วนกระบวนการที่จะยกเลิกหรือไม่ ต้องเป็นระดับฝ่ายบริหาร ส่วนหากยกเลิกแล้วจะส่งผลต่อการทำงานของกองทัพหรือไม่นั้น กองทัพสามารถทำงานได้หมดอยู่แล้ว ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ตามกรอบกฎหมายและข้อตกลงที่มีอยู่เราก็ยึดมั่นตามนั้น ที่ผ่านมาเราก็ยึดมาโดยตลอด 

“ผมมองว่าเป็นเรื่องของความตั้งใจและความจริงใจ มากกว่าซึ่งฝ่ายบริหารมีกลไก ที่จะบริหารเรื่องนี้อยู่ เพียงแต่ฝ่ายทหารพูดได้ว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้ละเลย”

เมื่อถามว่าหากฝ่ายนโยบายสอบถามยังฝ่ายความมั่นคงอยากจะให้ MOU43 คงอยู่หรือไม่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ต้องพิจารณา กันหลายส่วน ในส่วนของฝ่ายปฏิบัติก็มีข้อมูลอยู่แล้วหากละเมิดเราทำหนังสือประท้วง ผ่านกระทรวงการต่างประเทศและผู้บังคับหน่วยในระดับพื้นที่ก็พูดคุยกัน แต่ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขอย่างจริงจัง จนปล่อยไว้เนิ่นนาน ปัญหาก็สะสมมา 20 ปีอย่างที่เห็น