สว.สำรอง จี้อนุฯรีบสรุปคดีฮั้ว สว.ชง กกต.ชี้ขาด หวั่นถูกแทรกแซง

กลุ่ม สว.สำรอง เคลื่อนไหวต่อ! อุ้มพระไป กกต. จี้อนุฯชุดที่ 26 เร่งสรุป 'คดีฮั้ว สว.' หวั่นรัฐบาลแทรกแซง-บิดเบือน ยื้อเวลาประกาศ ลั่นจะลุยต่อจนกว่า กกต.ชี้ขาด
KEY
POINTS
- กลุ่ม สว.สำรอง ยื่นหนังสือถึงอนุกรรมการ กกต. เพื่อเร่งรัดให้สรุปสำนวนคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. และส่งให้ กกต. ชุดใหญ่ชี้ขาดโดยเร็ว
- แสดงความกังวลว่าคดีที่ล่าช้ามากว่า 1 ปี อาจถูกแทรกแซงจากฝ่ายบริหารของรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อบิดเบือนสำนวนและช่วยเหลือผู้กระทำผิด
- เรียกร้องให้อนุกรรมการฯ พิจารณาคดีอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน โดยคดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหา 229 ราย รวมถึง สว. ปัจจุบัน 138 ราย
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2568 กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว พ.อ.ไพบูลย์ พัสดร นายธนวัฒน์ ศรีสุข และ ส.อ.อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล เดินทางมายื่นหนังสือให้กำลังใจคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งคณะที่ 26 ของสำนักงาน กกต. รวมทั้งเแสดงความกังวลต่อกรณีการวินิจฉัยสำนวนคดีการไต่สวนการ ฮั้ว สว. เพราะคดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด จำนวน 229 ราย ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน 138 ราย กรรมการบริหารพรรคการเมือง สส. สมาชิกพรรคการเมือง และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อีกจำนวน 91 ราย ปัจจุบันระยะเวลาได้ล่วงเลยมาจากวันที่ กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง 10 ก.ค.2567 กว่า 1 ปี 2 เดือน แต่การสอบทุจริตก็ยังไม่แล้วเสร็จ โดยการมายื่นหนังสือครั้งนี้ทางกลุ่มยังได้นำพระแก้วมรกตจำลองมานำทางในการยื่นหนังสือด้วย
พ.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า กลุ่ม สว.สำรอง ภาคประชาชน ต่างเห็นว่า สำนวนคดีนี้มีแนวโน้มจะถูกแทรกแซงด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อบิดเบือนสำนวนคดี และการยื้อเวลาออกไปอีกเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคล และกลุ่มบุคคลบางคน บางพวก โดยเฉพาะการแทรกแซงจากฝ่ายบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบัน มีพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เป็นแกนนำ จึงขอเรียกร้องให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 26 พิจารณาสำนวนการไต่สวนการเลือก สว.อย่างตรงไปตรงมา ด้วยความสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรมบนพื้นฐานของข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่ปรากฎแล้ว หากจะมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมใด ๆ ขอให้พึงตระหนักถึงการกลับคำให้การของพยานบางรายที่อาจเข้าข่ายการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานในคำให้การที่เคยให้การมาแล้วก่อนหน้านี้ ปราศจากการแทรกแชงจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยขอให้ยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
ขณะที่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทางกลุ่มจะยืนหยัดยื่นเรื่องอย่างนี้ไปจนกว่า กกต.จะประกาศว่าจะฟ้องหรือดำเนินคดีกี่คน เราจะกระตุ้นเตือนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะการแทรกแซงมันไม่ได้ไปบอกกันตรง ๆ ว่าจะไปหาคนนั้นคนนี้ แต่สามารถยกหูหรือส่งนาย ก. นายข. ไปเป็นนกต่อ ไปพูดกันได้ มันก็มีเทคนิคหลายอย่าง ที่เห็นตอนนี้ก็การฟ้อง พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง และนายภูมิธรรม เวชยชัย ต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือการที่นายอลงกต วรกี สว.ฟ้องคณะกรรมการไต่สวนของ กกต.ก็สัมพันธ์กันหมด
ส่วนที่ กกต.มีหนังสือเรียกนายเศรณี อนิลบล สว. มาให้ถ้อยกรณีมีข้อกล่าวหาว่าก่อนวันเลือก สว.ระดับประเทศ นายเศรณีมีชื่อเป็นผู้เข้าร่วมประชุมและเข้าพักที่โรงแรมใน จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำผิดตามมาตรา 77 (1) พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 นั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นประเด็นไหน แต่เท่าที่ติดตาม มีประเด็นโพยอีกชุดนึง ซึ่งก็เป็นข้อกล่าวอ้างในการต่อสู้ของ ส.ว. 138 คน ที่เขากล่าวหาการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนชุดที่ 26 ว่า เมื่อตรวจสอบเขาแล้ว พบว่ามีโพยอีกชุดหนึ่งแล้วทำไมจึงไม่ดำเนินการ
ดังนั้น จากที่เราฟังว่า กกต.จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก 1 ชุดเป็นชุดที่ 27 เพื่อสอบเรื่องนี้ แต่ตอนหลังไม่ได้มีการตั้ง แต่จะใช้คณะกรรมการชุดที่ 26 ดำเนินการก็เหมือนกับทำทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็มีจุดที่แตกต่างคือ ที่มีการดำเนินการกับ ส.ว.100 กว่าคน เขามีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและนิติวิทยาศาสตร์มัดแน่นมาตลอด แต่ในส่วนชุดใหม่ที่มีการกล่าวหากันเท่าที่ทราบไม่มีพยานที่จะมายึดโยงว่าใครไปทำอะไรที่ไหน เบอร์ไปอยู่ในโพยอยู่ได้อย่างไร







