'พท.' โวยถูกใช้ปมองค์ประชุม เล่นงานการเมือง ขอเว้นใช้ข้อบังคับ

'หมอทศพร' หารือให้ประธานสภาฯ เว้นข้อบังคับ ใช้โหวตเสียงข้างมากในรายมาตราแทนนับองค์ หลังปมองค์ประชุมถูกใช้ทำลายพรรคการเมือง
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ.... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่มี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม สมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ.ฯ พิจารณาแล้วเสร็จ ต่อเนื่องในมาตรา 22
ทั้งนี้ก่อนการพิจารณา นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย หารือว่า เมื่อสัปดาห์แล้วมีการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว แต่พบว่าผู้อยู่ในห้องประชุมไม่ครบ จนเป็นประเด็นใหญ่โต ทั้งนี้การประชุมของสส. นอกจากประชุมห้องใหญ่ ยังมีการประชุมกมธ.สามัญ และกมธ.วิสามัญ และพิจารณาร่างกฎหมายฉบับอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญเท่าเทียมกันกับร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งไม่สามารถวิ่งลงมาโหวตทุกมาตราได้
“การตรวจสอบองค์ประชุมให้แสดงตน มีบังคับในรัฐธรรมนูญ หรือระเบียบข้อบังคับของสภาหรือไม่ หากอยู่ในข้อบังคับสภา ผมขอหารือว่าให้ประธานสภาฯ เว้นการใช้บังคับได้หรือไม่ในการโหวตรายมาตรา โดยใช้เสียงข้างมากเพื่อให้การประชุมราบรื่น ยกเว้นการโหวตร่างทั้งฉบับที่ต้องใช้องค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งได้หรือไม่ ผมขอปรึกษา และอยากฝากไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค จะทำงานพิจารณาร่างกฎหมาย ร่างกฎหมายทุกฉบับมีความสำคัญเหมือนกันไม่ว่าเป็นของรัฐบาลหรือ พรรคการเมือง แต่การพิจารณาให้ราบรื่นต้องไม่ใช้เป็นประเด็นทำลายพรรคการเมืองหรือนักการเมืองพรรคอื่น เพื่อให้เวลา 4 เดือนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ” นพ.ทศพร หารือ
ต่อจากนั้นนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน หารือว่า ตั้งแต่เปิดสภา หลังเลือกตั้ง ประธานสภาได้ให้นโยบายว่าอาจต้องลงมติร่างกฎหมายทุกวันพุธ เป็นรายมาตราอยู่เรื่อยๆ หากกรรมาธิการนัดประชุมวันพุธ อาจทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง ทั้งนี้มีหลายกมธ. แก้ปัญหาโดยนัดประชุมในวันพุธ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหากมธ.ไม่ควรนัดประชุมวันพุธ หรือ การลงมติในวันประชุมใหญ่
ทั้งนี้ นายฉลาด ไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวและให้เดินหน้าลงมติในมาตรา 22 ต่อเนื่องทันที ทั้งนี้พบว่ามีผู้มาแสดงตนเป็นองค์ประชุม 260 คน ซึ่งพบว่ามี สส.ของพรรคเพื่อไทยได้ใช้สิทธิร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม ผ่านการกดบัตรและขานชื่อร่วมด้วย ขณะที่การลงมตินั้นมีผู้มาร่วมลงมติรวม 284 คน ซึ่งเสียงข้างมากเห็นด้วยกับกมธ.ที่แก้ไข จากนั้นได้เข้าสู่การพิจารณาในมาตราลำดับถัดไป ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่ใช้เวลารอองค์ประชุมเป็นเวลานานเหมือนที่ผ่านมา







