ศาล รธน.มติ 6:2 ลุยไต่สวนต่อคดี ‘ภูมิธรรม-ทวี’ แทรกแซงสอบฮั้ว สว.

ศาลรัฐธรรมนูญ มติ 6 ต่อ 2 เสียง ลุยพิจารณาต่อคดีกล่าวหา ‘ภูมิธรรม-ทวี’ แทรกแซงการสอบสวนคดีฮั้ว สว. แม้ว่าจะพ้นเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว
KEY
POINTS
- ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 ให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงการตรวจสอบการเลือก สว. ต่อไป
- ข้อกล่าวหาระบุว่าทั้งสองใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นเครื่องมือแทรกแซง และกดดันการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการสอบสวนเรื่องการเลือก สว.
- แม้ว่านายภูมิธรรมและ พ.ต.อ.ทวี จะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีไปแล้ว ศาลเห็นว่าการพิจารณาคดีต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2568 ศาลรัฐธรรมนูญ มีการพิจารณาคดีที่น่าสนใจ เรื่องพิจารณาที่ 8/2568 กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
กรณีนี้สมาชิกวุฒิสภาเข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) โดยกล่าวอ้างว่า การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจ และฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 1660 (4) และ (5) หรือไม่
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ในขณะที่คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 17/2568 เป็นผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ต่อมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2568 และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ ตามประกาศลงวันที่ 19 กันยายน 2568 โดยไม่ปรากฏรายชื่อผู้ถูกร้องทั้งสองได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และวันพุธที่ 24 กันยายน พุทธศักราช 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ทำให้ผู้ถูกร้องทั้งสองพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 2) วินิจฉัยว่า การพิจารณาคดีต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 51 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 6 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายจิรนิติ หะวานนท์ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์ เห็นว่า เมื่อผู้ถูกร้องทั้งสองพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี กรณีไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยคดีต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 51
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







