'อนุทิน' ย้ำกลางสภาฯ เป็นนายกฯ ไม่ให้ใครบงการ เชื่อมือ ครม.ทำได้

“อนุทิน” ย้ำไม่ให้ใครบงการเบื้องหลัง ยกคำ “ทักษิณ” โต้ “ชลน่าน” เห็นทางออกในทุกปัญหา เชื่อมือ ครม. ทำงานได้เปรยจ่อปรับ รมว.สธ. หากนำนโยบายฟอกไตฟรีกลับมาไม่ได้ใน 2 เดือน
ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาวาระแถลงนโยบายต่อรัฐบาล เพื่อชี้แจงต่อการอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ว่า ที่ตั้งคำถามต่อรัฐบาลของตนทำได้ หรือ ทำเป็น ทำดีหรือไม่ คำตอบคือ ทำได้ สิ่งที่ถูกเขียนในคำแถลงนโยบายเป็นสิ่งที่ได้ผ่านการกลั่นกรอง มาแล้วว่า พวกเราทุกคนต้องทำได้ เพราะวิธีการทำงานของตนนั้น ทำได้เร็ว และต้องทำเลย และทำเป็น เพราะตนคัดสรรบุคคลให้มาเป็น รัฐมนตรี ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และประชาชน ฐานะผู้มีพระคุณต่อตนและรัฐบาลปัจจุบัน
“ทำดีหรือเปล่า คนเราถ้ามาถึงตำแหน่งนายกฯ แล้ว กว่าถึงจุดนี้ได้ ใช้เวลาเป็น 10 ปี ถือโอกาสนี้ทำดีที่สุด เป็นเกียรติประวัติของประเทศ ประชาชน ที่คนที่เป็นนายกฯ ต้องรับผิดชอบ ใน4ประเด็นที่บอกไว้ต่อเนื่องถึงการขาดโอกาส ผมว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจะได้แสดงผลงาน เพราะรัฐบาลนี้ผมได้ทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกคนว่า ไม่มีคำว่าคนละพรรค ไม่มีขัดแข้งขัดขา หรือกังวลใดๆที่เห็นว่าพรรคไหนทำแล้วได้รับความนิยมจากประชาชนมากกว่า ผมอาจโชคดีที่สั่งสอนให้เป็นคนใจกว้าง อะไรที่เป็นเครือข่ายการทำงาน ที่ผมเกี่ยวข้อง ใครทำอะไรและประสบความสำเร็จเป็นประโยชน์ ผมจะอนุโมทนาสาธุ ชื่นชมและสนับสนุนให้ทุกคนที่ทำงานร่วมกับผมประสบความสำเร็จสูงสุด” นายอนุทิน ชี้แจง
นายอนุทิน ชี้แจงต่อว่า ที่บอกว่ารัฐบาลขาดฝีมือ ผมให้ความเชื่อมั่นว่าทุกคนในรัฐบาล ผมคัดเลือกเองและสิ่งสำคัญ คือนอกจากเรื่องของคุณงาม ความดีที่แต่ละคนมีความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาาชนและผลงาน ความรู้ประสบการณ์ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาล 4 เดือนมีบุคลากรมีฝีมือ มีความสามารถ ประสบความสำเร็จ ที่กังวลว่าขาดความโปร่งใส ขอให้สบายใจ เพราะตนรับฟังทุกคำ จดทุกความกังวลพร้อมชี้แจง ความโปร่งใสต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบววนการ ถูกกฎหมาย ถูกระเบียบและใจกล้าให้ทุกคนตรวจสอบได้ ยืนยันรัฐบาลต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
“ส่วนที่บอกว่าขาดอนาคตประชาธิปไตย ผมมองว่าประชาธิปไตยคือ เคารพเสียงส่วนใหญ่ ไม่เอาแต่ใจมาตัดสิน มีความเป็นตัวของตัวเอง ผมมองเห็นต่าง เพราะจากนี้ไปรัฐบาลนี้จะวางรากฐานแนวทางแบบอย่างที่ดีเป็นรัฐบาลให้อนาคตประชาธิปไตยสดใส อย่างน้อย นายกฯ คนนี้จะไม่มีใครบงการได้ คิดเอง หารือกับ ครม. และสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด เพื่อตัดสินใจทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศและประชาชน” นายอนุทิน แถลง
นายอนุทิน ชี้แจงต่อว่า ที่กล่าวหารัฐบาลเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ พูดไม่ผิด ตนขอนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านด้วยว่า ให้นับวันที่ 1 ต.ค. เป็นวันแรก และวันที่ 31 ม.ค. ยุบสภาแน่นอน และฐานะรัฐบาลเฉพาะกิจที่เข้ามาแก้ไขความเสียหายของประเทศที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมา และครม.ของตนอีก 35 คนทำทุกอย่างเพื่อเรียกความเสียหาย ความสูญเสีย เรื่องเกียรติภูมิของประเทศ เศรษฐกิจ ขวัญกำลังใจ ความปลอดภัยของประชาชนกลับมาสู่คนไทยในระยะเวลาทำงาน 4 เดือน คนมั่นใจว่าทำได้
“บางทีการทำงานนั้นทุกคนมีความรู้ความสามารถแต่ต้องไม่เปรียบกัน ที่ว่าท่านทำไม่ได้ คนอื่นทำไม่ได้ ท่านมาอยู่กระทรวงสาธารณสุข 7 เดือน ผมก็อยู่ 7 เดือน ผมมั่นใจทำอะไรเยอะมาก ทั้งโควิด เหตุการณ์วิกฤตสาธารณสุข อาจมีบทบาทมากกว่าที่ท่านดำรงตำแหน่งอยู่ ผมขอเคลมว่า ตนเคารพศรัทธากับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ 30บาทรักษาทุกที่ อนุทินครับ ไม่ใช่ชลน่าน เพราะผมทำมาตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุข 4 ปี ผมใช้เวลาประสานงานกับสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ ฟอกไตฟรี แต่เสียดายรัฐบาลชุดที่แล้วเอาฟอกไตฟรีทั้งหมดออกไป เหลือบางส่วน ซึ่งภายใน2 เดือนนี้ รมว.สาธารณสุขจะต้องเอากลับมา หากทำไม่ได้ผมจะไปเป็นรมว.สาธารณสุขเอง” นายอนุทิน ชี้แจง
นายกฯ ชี้แจงต่อว่า ส่วนประเด็นผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไม่ตรงความต้องการของประชาชน ตนขอมองต่างเพราะรัฐบาลยกเลิกกาสิโน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เงินดิจิทัลให้ประชาชน เราไม่มอมเมาประชานด้วยการพนัน หรือ ใช้ธุรกิจการพนันขยายตัวเศรษฐกิจ ซึ่งความเห็นต่างนั้นเป็นเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยถูกเชิญออกจากการร่วมรัฐบาลสมัยนั้น มีความพยายามหลายเรื่อง ไปเตะความมั่นคง เสียหายประเทศ ตนตัดสินใจไม่ร่วมนโยบายนี้ถือเป็นเกียรติที่ถูกเชิญออกมา
"กรณี ดึง ซื้อ 1,000-2,000 รวมเป็นตัวเลขหลายล้าน ถือเป็นตัวเลขอัปมงคล มีความพยายามมีตัวเลขนี้ มาทำให้คนในพรรคฝ่ายค้านหลายคนสมัยนั้นไขว้เขว แต่โชคดีที่ทุกนเห็นว่าไม่เป็นมงคล เป็นตัวเลขที่เอาไปแล้ว ไปทำให้อนาคตของประชาธิปไตยมืดมน แต่คนที่ทำเป็นคนในฝั่งรัฐบาลตอนนั้นไม่มาจากพรรคภูมิใจไทยแน่นอน ขอให้มั่นใจทีมงานพร้อมพิสูจน์ ผมและครม. ตอบแทนได้ว่านโยบายและการทำงานต้องทำหนัก ผลักดันทุกนโยบายเป็นทางออกประเทศ” นายกฯ ชี้แจง
นายอนุทิน ชี้แจงต่อว่า เราเคยอยู่ด้วยกัน 20 ปีก่อน อยู่ในรัฐบาลของ นายทักษิณ ชินวัตรร อดีตนายกฯ เมื่อมีการประชุม ครม. มีการพูดถึงปัญหา ทั้งที่เป็นสิ่งที่ต้องทำ ตนเป็นรัฐบาลขณะที่นพ.ชลน่านเป็น เลขานุการรมว.สาธารณสุข ตนจำว่า นายทักษิณไม่พอใจ ครม. ที่นำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน ตั้งแต่วันนั้นบอกกับตนเองว่าจะไม่มีวันให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น หากตนทำงานที่ไหน เมื่อมีปัญหาจะปิดไมค์แล้วบอกว่า จำไว้นะ ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก และผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา ทั้งนี้ ตนและครม. เป็นอย่างหลัก ชนะไม่ชนะไม่รู้ แต่ตนเห็นทุกทางออกในทุกปัญหา






