'เท้ง' ลุยซักฟอกนโยบาย จี้นายกฯ 4 เดือนมุ่งแก้ รธน. อย่าแทรกแซงคดี

'เท้ง' ลุยซักฟอกนโยบาย จี้นายกฯ 4 เดือนมุ่งแก้ รธน. อย่าแทรกแซงคดี

‘ณัฐพงษ์’ นำทัพฝ่ายค้านประเดิมอภิปรายนโยบายรัฐบาล 4 หมุดหมาย 4 เดือน จี้นายกฯมุ่งแก้ไข รธน. ผลักดันกฎหมายใหม่ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ขู่อย่าแทรกแซงคดีฮั้ว สว.-เขากระโดง

KEY

POINTS

  • นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน เรียกร้องให้นายกฯ ใช้เวลา 4 เดือนแรกผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
  • ชี้ว่าการเมืองที่ผ่านมาซึ่งเต็มไปด้วยรัฐประหารและรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและคอร์รัปชัน
  • เตือนรัฐบาลไม่ให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ และห้ามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดีต่างๆ เช่น คดีฮั้ว สว. หรือคดีเขากระโดง
  • ประกาศจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาลอย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2568 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีวาระคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทั้งนี้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ได้เริ่มอภิปรายเป็นคนแรก

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หมุดหมายแรกรัฐบาลเข้าทำหน้าที่ในกรอบ 4 เดือนอย่างเป็นทางการ ยังถือว่าเป็นหมุดหมายแรกของตนและพรรค ปชน.ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อนับถอยหลังสู่การยุบสภาฯ มุ่งหน้าสู่การจัดทำประชามติ สู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อให้เห็นความสำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ขอทวนให้นายกฯลองหวนระลึกถึงวันที่ท่านเป็นผู้มีสิทธิในการเลือกตั้งเข้าคูหาครั้งแรกในชีวิต ว่าประสบการณ์ชีวิตท่านที่เข้าคูหาเลือกตั้งถึงวันนี้ มีประสบการณ์ต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคมไทยอย่างไรบ้าง

'เท้ง' ลุยซักฟอกนโยบาย จี้นายกฯ 4 เดือนมุ่งแก้ รธน. อย่าแทรกแซงคดี

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ดูที่รุ่นแรก รุ่นผู้ใหญ่หลายคนที่เกิดยุค 2500 กว่า ๆ ในวันที่เขามีสิทธิเลือกตั้ง ยังอยู่ในยุคเศรษฐกิจไทยโชตช่วงชัชวาล GDP ไทยเติบโตได้รับอานิสงค์จากการเมืองโลก จนทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศไหลมาลงทุนในไทยจำนวนมาก จนเราได้การขนานนามว่าเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย ใครเกิดยุคนี้อาจเกิดรัฐประหารไม่ต่ำกว่า 6 ครั้งด้วยกัน หันมาที่รุ่นตน และเพื่อนสมาชิกหลายคนที่เกิดยุค 2530 ผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่น ผ่านรัฐประหารปี 2549 การรัฐประหารครั้งแรก ยังจำความไม่ได้คือปี 2534 แต่ที่จำได้คือ 19 ปีรัฐประหารปี 2549 ทำให้ต้องผ่านรัฐประหารเพิ่มอีก 2 ครั้ง นายกฯจากการเลือกตั้งถูกปลด 5 คน พรรคการเมืองที่สำคัญถูกยุบ 7 พรรค และการเลือกตั้งถูกล้มไปอีก 2 ครั้ง

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ พวกเราต้องเปลี่ยนนายกฯถึง 3 คนด้วยกัน คำถามคือไม่ว่ารุ่นพ่อแม่ คนรุ่นตน หรือคนรุ่นไหน มีคนไทยยุคไหนหรือไม่ ที่เข้าคูหาเลือกตั้ง นับแต่วันแรกที่เขาเกิด และถึงวันแรกที่มีสิทธิเลือกตั้ง ประเทศไทยไม่เคยมีรัฐประหารเลย ชวนลองถามตัวท่านเอง วันแรกที่เดินเข้าคูหาเลือกตั้ง ชีวิตของท่านมีใครหรือไม่ ไม่เคยผ่านรัฐประหารเลย ไม่ใช่เพียงเพื่อนสมาชิกเท่านั้น ถามคนไทย 50 กว่าล้านคนทั่วประเทศ ที่มีสิทธิเลือกตั้งในยุคนี้ ไม่ว่าจะยุคไหน ในประวัติศาสตร์ไทย น่าตกใจ

'เท้ง' ลุยซักฟอกนโยบาย จี้นายกฯ 4 เดือนมุ่งแก้ รธน. อย่าแทรกแซงคดี

“ที่ผ่านมาแปลว่าอะไร ไม่เคยมีคนไทยสักรุ่นที่เกิดและโตในประเทศนี้ อยู่ในประชาธิปไตยเต็มใบมีเสถียรภาพเสียที ขอย้ำให้เห็นความสำคัญการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ประเทศไทยที่ผ่านมาไม่เคยมีสักยุคดอกผลพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เติบโตก้าวกระโดด เกิดจากการเมืองในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เกิดจากแรงฉุดจากอานิสงค์จากการเมืองโลก และลมเปลี่ยนทิศการเมืองโลกวันนี้ไม่ได้เข้าข้างไทยอีกต่อไป” นายณัฐพงษ์ กล่าว

หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า คำถามคือการเมืองแบบที่เป็นอยู่ ทำให้เราแถลงนโยบาย 3 ครั้งในรอบ 2 ปี เนื่องจากกลไกของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระถูกนำมาใช้ทำลายล้างทางการเมือง มากกว่าจับคนผิด ปัญหาการทุจริตในประเทศไม่เคยเบาลง มีแต่หนักขึ้น ด้วยการเมืองแบบนี้หรือ จะทำให้ไทยเดินไปข้างหน้าได้ 

ตราบใดเราอยู่ในระบบการเมืองแบบนี้ มีใครจะต้องเจ็บปวดบ้าง พ่อแม่พี่น้องเกษตรกร ที่วันนี้ผลผลิตราคาตกต่ำ ปุ๋ยแพง หนี้ท่วมหัว แถมต้องเป็นหนี้นอกระบบเพราะต้องกู้ ใช่คนไทยหรือไม่ต้องทนปัญหาฝุ่น PM2.5 เหมือนตายผ่อนส่งทุกปี กฎหมายอากาศสะอาดล่าช้าผ่านสภาไม่ได้ ปัญหาไฟป่าไม่เคยมีรัฐบาลเข้ามาจัดการมีประสิทธิภาพอย่างเป็นระบบ ต่างจังหวัดเคยอยู่กับคำขวัญว่า น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ 1 ปี 2504 กว่า 60 ปีแล้ว หลายพื้นที่น้ำไม่ไหล ไฟไม่สว่าง ทางไม่สะดวก หันมาดูที่ลูกหลานเรา คะแนนสอบก็ตกลงต่อเนื่อง เทียบกับอาเซียน เด็กไทยอยู่อันดับ 5 รองสิงคโปร์ เวียดนาม บรูไน มาเลเซีย 

ถามไปยังผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ขายทุกคน ทุกคนตื่นแต่เช้า ต้องต่อสู้กับเศรษฐกิจฝืดเคือง เปรียบเทียบ GDP โลกและไทย และประเทศเพื่อนบ้านย้อนหลังไป 19 ปีนับตั้งแต่ปี 2549 ประเทศเราเดินช้ากว่าโลก และเวียดนาม ตั้งแต่ปี 2549 โลกเติบโตเฉลี่ย 3% ต่อปี โลกฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว แต่ไทยไม่เคยฟื้นตัวกลับมาเส้นเดียวกับโลกได้เลย วิกฤติโควิดปี 2563 ขณะที่เศรษฐกิจโลกหดตัว แต่ไทยตกลง 6.05% ถัดมาปี 2564 หลังวิกฤติโควิด โลกฟื้นตัวสูงกว่าไทย ถึง 6.4% แต่ไทยฟื้นแค่ 1.55% เท่านั้น ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าโครงสร้างเศรษฐกิจไทยปัจจุบันอ่อนแอ อุตสาหกรรมไทยล้าหลัง และไม่สามารถฟื้นตัวได้เหมือนประเทศอื่น

นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นวงจรเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากปราศจากปัจจัยเชิงบวกที่ไทยได้รับอานิสงค์การเมืองโลกภายนอก เราไม่เคยเติบโตด้วยลำแข้งตัวเอง ในวันที่โลกมีปัจจัยเชิงลบซัดเข้าไทย เราก็ดูดซับแรงกระแทกเหล่านั้นเข้ามาเต็ม ๆ ไม่ว่าโควิด สงครามการค้า สินค้าราคาถูก หรือปัญหาทุนเทาก็ตาม

หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวอีกว่า ดัชนีคอร์รัปชันไทยยังตกต่อเนื่อง จากปี 2555 ที่เรามีคะแนนดัชนีคอร์รัปชันที่ 37 คะแนน วันนี้ 2567 เหลือเพียง 34 คะแนนต่ำสุดในรอบ 12 ปี เราอยู่อันดับ 107 ต่อ 180 ประเทศทั่วโลก ทั้งที่เรามีองค์กรอิสระคอยตรวจสอบมากมาย แต่อันดับเรากลับตกต่อเนื่อง เพราะกลไกตรวจสอบที่มี ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง มากกว่าปกป้องภาษีของประชาชน

“รัฐธรรมนูญ หรือระบบการเมืองแบบนี้หรือ ทำไทยพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้ ในขณะที่รถยนต์เศรษฐกิจโลกพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว แต่รถยนต์เศรษฐกิจไทยกลับวิ่งช้า ตามไม่ทัน แล้วเหมือนติดหล่มอยู่กับที่ เพราะเครื่องยนต์หรือระบบการเมืองในประเทศกำลังฉุดรั้งรถคันนี้ไว้อยู่ ถึงเวลาจำเป็นต้องยกเครื่องให้เราเดินหน้าเต็มกำลัง” หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ถ้าพวกเรามีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ คำถามคือทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงประชาชนมากสุด เพราะต้องการรัฐบาลโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ชอบธรรม ยึดโยงประชาชน บรรดา ครม.ถูกแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความสามารถ มิใช่จัดสรรโควตาทางการเมือง เราต้องการรัฐบาลชอบธรรม สะท้อนเจตจำนงประชาชน กำหนดอนาคตของประเทศ วางยุทธศาสตร์ ไม่ต้องติดล็อกกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ คสช.เขียนมา เราต้องการรัฐบาลยกระดับรายได้ ตั้งแต่เกษตรกร ถึงนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าให้สินค้าไทย ข้าว มัน ยาง รถ คอมพิวเตอร์ ปิโตรเคมี ทุกห่วงโซ่อุปทานต้องถูกยกระดับเป็นสีเขียว เป็นสินค้าที่โลกอนาคตต้องการ 

เราต้องการระบบถ่วงดุลตรวจสอบทีเป็นอิสระ ยึดโยงประชาชน เป็นระบบที่ไม่ได้ผลัดกันเกาหลัง ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปกป้องภาษีเราทุกคน ประเทสที่ติดเครื่องยนต์ใหม่ จำเป็นต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อให้รถยนต์คันนี้พุ่งทะยานไปข้างหน้าเต็มกำลัง เรามุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โหวตนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ ด้วยข้อตกลงที่ปรากฏใน MOA และการทำหน้าที่ของเรา 4 เดือนต่อจากนี้ ของตนและเพื่อนสมาชิก เป็นสิ่งที่ประชาชนใช้ตัดสินพวกเราในวันหน้า ดังนั้นสิ่งที่พวกเราจะทำหน้าที่ 4 เดือนต่อจากนี้ ในฐานะฝ่ายค้านข้างมาก คือ

1.เปิดประตูจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ภายใน 4 เดือนนี้ ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ให้แล้วเสร็จก่อนยุบสภาฯ โดยที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยึดโยงประชาชนมากสุด ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

2.ผลักดันกฎหมายที่มีประโยชน์ให้ประชาชนให้มากสุด ภายใน 1 เดือนที่ผ่านมา สภาฯผ่านกฎหมาย วาระ 1 และ 3 ได้ถึง 11 ชุดครอบคลุมการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต ยังมีกฎหมายอีกหลายชุดที่ร่วมกันผลักดันได้ ในเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นต้น

3.ใน 4 เดือนนี้รัฐบาลใหม่ สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต ความมั่นคง และอาชญากรรมข้ามชาติ และปัญหาที่ค้างจากรัฐบาลชุดก่อนได้หลายเรื่อง ฝ่ายค้านจะอภิปรายต่อจากนี้ไปอีก 2 วัน

4.ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาลเต็มที่ เพราะพรรค ปชน.ไม่ได้ใช้เสียงเราโหวตนายอนุทินเอาอำนาจไปใช้โดยมิชอบ หรือเพื่อสนับสนุนการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี หรืออนุญาตให้รัฐบาลแทรกแซงการดำเนินคดีไม่ว่าฮั้ว สว.หรือเขากระโดง และการตรวจสอบทุจริตรัฐบาลที่ผ่านมา

“ผมและ ปชน.ใช้เสียงของเรา เพื่อมุ่งหวัง 4 เดือนต่อจากนี้ เปิดประตูสู่อนาคตใหม่ของประเทศ เมื่อทุกท่านหลับตาลงนึกถึงหน้าลูกหลาน พวกเขาจะเป็นลูกหลานไทยรุ่นแรก เดินเข้าคูหาเลือกตั้ง และตลอดชีวิตของเขา ชีวิตของเขาอยู่ในระบบการเมืองประชาธิปไตย ปราศจากการรัฐประหาร ไทยพุ่งทะยานได้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ใช้เสียงปิดประตู ทำให้วงจรชีวิตลูกหลานติดอยู่ในลูป ในระบบการเมืองแบบคนทุกรุ่นกำลังเสื่อมศรัทธา สุดท้ายอยากฝากถึงนายกฯ สิ่งที่เราอยากเห็นจากท่าน จะไม่ใช่แค่ท่านต้องเคารพต่อข้อตกลงที่ทำกับ ปชน.แต่ผมอยากเห็นท่านนายกฯเคารพกระบวนการยุติธรรม เคารพประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ และทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้” นายณัฐพงษ์ กล่าว