เลขาฯ นายกฯ แจง ‘สีหศักดิ์’ ร่วมเวทีUN สวนกัมพูชา ได้ กฤษฎีกา การันตี

เลขาฯ นายกฯ แจง ‘สีหศักดิ์’ ร่วมเวทีUN สวนกัมพูชา ได้ กฤษฎีกา การันตี

“ไตรศุลี” เผย ครม. พิจารณารอบคอบก่อนมอบหมาย รมว.ต่างประเทศ ร่วมเวที UN แจงข้อเท็จจริง ปม กัมพูชา “บวรศักดิ์” ชี้ จำเป็นเร่งด่วนต้องรักษาผลประโยชน์ชาติ กฤษฎีกา ระบุ เป็นไปตาม รธน. ครั้งปี51 เคยมีมาแล้ว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่มีนักวิชาการและนักวิจารณ์ทางการเมืองบางส่วนตั้งข้อสังเกตถึงการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 80 (UNGA 80) ที่นครนิวยอร์ก ของนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น ขอเรียนชี้แจงว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายทุกขั้นตอน ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 68 รมว.ต่างประเทศ ได้รายงานต่อที่ประชุมว่าได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 80 ในช่วงสัปดาห์ผู้นำระหว่างวันที่ 23 – 30 ก.ย. 68 โดยมีภารกิจสำคัญคือการกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมใหญ่ในวันที่ 27 ก.ย. และการพบปะหารือกับเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงชี้แจงท่าทีและข้อเท็จจริงของไทยในกรณีความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาใช้เวทีโลกนำเสนอข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ขอความเห็นจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งได้ยืนยันว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์แล้ว ถือว่าเข้ารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ตามมาตรา 12 ของรัฐธรรมนูญ และแม้ตามมาตรา 162 จะกำหนดให้คณะรัฐมนตรีต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ก็ได้กำหนดไว้ในมาตรา 162 วรรค 2 ให้ดำเนินการได้หากเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่กระทบต่อประโยชน์ของประเทศ ดังนั้น การเดินทางครั้งนี้จึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเพิ่มเติมว่า การเดินทางไปร่วมการประชุม UNGA 80 ของ รมว.ต่างประเทศ มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาผลประโยชน์สำคัญของประเทศ ทั้งยังเป็นโอกาสในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านโดยตรง จึงถือว่าอยู่ในกรอบกฎหมายและไม่เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การดำเนินการเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ในอดีตเมื่อปี 2551 คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติรับทราบการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในขณะนั้น เดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 63 ที่นครนิวยอร์ก แม้ในขณะนั้นยังไม่ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งสำนักงานกฤษฎีกาในเวลานั้นก็ให้ความเห็นว่าสามารถทำได้ เพราะถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่มีการกำหนดช่วงเวลาแน่นอนไว้แล้ว และการแถลงต่อที่ประชุม UNGA เป็นการสะท้อนท่าทีและจุดยืนของประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาลโดยตรง

“รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ยึดหลักการทำงานด้วยความรอบคอบ รอบด้าน และคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ การพิจารณามอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม UNGA 80 ครั้งนี้ เป็นไปตามหลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เพื่อยืนยันสิทธิและศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลก” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ประเทศไทยเสียโอกาสบนเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับกัมพูชา การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และการดำเนินการทั้งหมดก็อยู่ในกรอบกฎหมายทุกประการ