'อนุทิน' แถลงนโยบาย ย้ำทำงานโปร่งใส ยึดธรรมาภิบาล แก้5ปมสำคัญ

'อนุทิน' แถลงนโยบาย ย้ำทำงานโปร่งใส ยึดธรรมาภิบาล แก้5ปมสำคัญ

"นายกฯ" นำ ครม. แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ย้ำข้อแรกพิทักษ์ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ยึดการบริหารอย่างโปร่งใส หลักธรรมาภิบาล แก้5ปมสำคัญ สัญญาแก้รธน.

ที่รัฐสภา ในการประชุมรัฐสภา ที่มีนายวันมูหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 ซึ่งที่ประชุมตกลงจะใช้เวลาพิจารณา 2 วัน คือวันที่ 29- 30 ก.ย. รวม 25 ชั่วโมง

สำหรับบรรยากาศก่อนการประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก มีสส. เข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก โดยพบว่ามีผู้มาลงชื่อก่อนเริ่มเวลาพิจารณารวมกว่า 393 คน แบ่งเป็น สว. ร่วมลงชื่อ 165 คน และสส. 228 คน  ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และรมว.มหาดไทย นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมการประชุมรัฐสภาในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงแถลงนโยบาย

ต่อจากนั้นเวลา 09.35 น. นายอนุทิน แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินโดยคำนึงถึงหลักการ 3 ประการ คือ 1.พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์  2.ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ 3.ยึดมั่นในหลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และการบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชน

นายอนุทิน แถลงต่อว่าระยะเวลาของรัฐบาลที่มีจำกัด และงบประมาณที่ไม่ได้จัดทำ ทั้งยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาประเทศในขณะนี้ ได้แก่

1.) ภัยด้านเศรษฐกิจ คือ สร้างรายได้ ลดรายจ่ายค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง แก้หนี้ภาคประชาชนรายบุคคลในระบบรายละไม่เกิน 1 แสนบาท  เพิ่มสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เพิ่มโอกาสการออมของประชาชน ผ่านสลากเพื่อการออม  ฟื้นความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว

“เร่งแก้ปัญหาผลกระทบสงครามการค้า โดยตั้งทีมไทยแลนด์ เพื่อผลักดันไทยไปสู่สมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ดูแลสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรง สร้างภาพแวดล้อมที่ทันสมัยและเอื้อต่อการแข่งขัน ผ่านการปรับปรุงกฎหมายและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวก” นายอนุทิน แถลง

นายกฯ แถลงต่อว่า 2.) ภัยความมั่นคง  โดยเร่งแก้ปัญหากรณีพิพาทไทย-กัมพูชาด้วยแนวทางสันติวิธี รักษาอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนสากล ยุติขัดแย้งด้วยการเจรจาทางการทูต นอกจากนั้นจะพิจารณาทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจต่อการยกเลิกเอ็มโอยูระหว่างไทย-กัมพูชา ขณะที่ปัญหาาภาคใต้จะเร่งรัดการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ

นายอนุทิน แถลงว่าา 3.) ภัยด้านสังคม รัฐบาลไม่สนับสนุนเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีธุรกิจการพนัน รวมถึงการพนันในรูปแบบของกีฬา เช่น โป๊กเกอร์ และจะแก้ไขพ.ร.บ.การพนันและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนันให้ได้มากที่สุด  รวมถึงรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ขจัดการทุจริตประพฤติมมิชอบที่เด็ดขาด 4.) ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายเตือนภัยพิบัติในพื้นที่ความเสี่ยงสูง ส่งเสริมสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด จัดตั้งตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้มาตรฐานสากล และ 5.) การปฏิรูปกฎหมาย การบริหาภาครัฐ โดยเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการยกระดับการบริหารภาครัฐให้ทันสมัย เร่งปฏิรูป และยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและสร้างภาะที่ไม่จำเป็นแก่ประชาชน

นายกฯ แถลงด้วยว่าการแก้ปัญหาในด้านต่างๆ จะควบคู่กับการวางรากฐานของประเทศ ขับเคลื่อนการพัฒนาแข่งขันในประเทศตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างระบบเศรษฐกิจโปร่งใส เป็นธรรม ยั่งยืน สร้างความมั่นคงและสันติสุข และสนับสนุนการจัดทำประชามติและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยรับฟังเสียงของประชาชน  สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

“รัฐบาลมุ่งมั่นต่อการบริหารราชการแผ่นดินและขับเคลื่อนนโยบายให้ไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลังในช่วงเวลาของรัฐบาลด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีคุณธรรม ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งและสร้างความเชื่อมั่นในนโยบายการคลัง ให้น่าเชื่อถือ มีวินัย โปร่งใส และจะใช้จ่ายยงบประมาณปี69 ให้เป็นไปตามกฎหมาย และเรียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดอย่างรอบคอบ โดยผมฐานะนายกฯ จะทำทุกวิถีทางในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลให้แก้ปัญหา พร้อมกับวางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนทุกมิติ เพื่อความอยู่ดี มีสุขของประชาชนชาวไทย” นายอนุทิน แถลง