ปชน. เตรียมเปิด แคนดิเดตนายกฯ พร้อมปรับปรุง หลังโพลชี้คะแนนนิยมลด

“ณัฐพงษ์” ขอบคุณประชาชนสะท้อนเสียงผ่านผลโพลหลังคะแนนนิยมลดลง พร้อมรับข้อคิดเห็นมาปรับปรุง เผย “ปชน.” เตรียมเปิดแคนดิเดตนายกฯปลาย ม.ค.69
เมื่อเวลา 08.35 น. วันที่ 29 กันยายน ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจนิด้าโพล มีข้อสังเกตว่าความนิยมในตัวนายณัฐพงษ์ลดลง ในขณะที่ความนิยมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไล่ตามขึ้นมาได้ประเมินว่าต้องแก้ไขอะไรหรือไม่ ว่า พร้อมรับในข้อคิดเห็นและขอบคุณประชาชนที่สะท้อนเสียงออกมาผ่านผลโพล ก่อนหน้านี้ผลโพลมีทั้งขึ้นและลง เมื่อไหร่ที่ขึ้นตนก็ขอบคุณ เมื่อไหร่ที่ลงก็ต้องรับมาสะท้อน และมาปรับปรุงการทำงาน
อยากให้ทุกคนที่แสดงข้อคิดเห็นผ่านผลโพลได้ติดตามการทำหน้าที่ของพรรคประชาชนในช่วง 4 เดือน และในทุกย่างก้าวทุกการกระทำ ทุกการทำหน้าที่ในสภา จะเป็นข้อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าทำไมเราตัดสินใจโหวตให้นายอนุทิน ซึ่งทุกย่างก้าวจะเป็นประโยชน์ สร้างประโยชน์หาทางออกให้กับประเทศ
เมื่อถามว่า ต้องปรับแผนการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะคู่แข่งคนสำคัญครั้งหน้าคือ พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ได้วางแผน และปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่บรรลุข้อตกลง MOA ภายในของพรรคประชาชนก็ได้เตรียม เรียกว่าเป็นกองแคมเปญขึ้นมาเพื่อเตรียมยุทธศาสตร์หาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงบุคคลต่างๆและเตรียมทาบทามบุคคล ที่จะดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งต้องรอจังหวะที่เหมาะสมและจะเปิดตัวต่อไป
เมื่อถามว่า เป็นช่วงไหนที่เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯของพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อาจเป็นช่วงใกล้ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไปที่มีข้อแน่ชัดว่ามีการยุบสภา และมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งจริงๆ รวมถึงบุคคลที่เราทาบทามอาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน อาจไม่สะดวกเปิดตัวในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง บางคนอาจสะดวกเปิดตัวตอนจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นต้องรอฟังเสียงประชาชนที่ไปใช้สิทธิในคูหาเลือกตั้ง พูดตอนนี้อาจจะเร็วไปที่จะมีการเปิดตัว
ส่วน ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 5 ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า คะแนนที่พรรคภูมิใจไทยได้ มาจากฐานเสียงพรรคก้าวไกลเดิมไหลไปช่วย นั้น ตนไม่สามารถไปประเมินแทนประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์ได้ ว่ามีการไหลจากใครไปใคร เพราะหากประเมินอย่างนั้น ก็เหมือนเป็นการตัดสินแทนประชาชน ซึ่งสนามนี้คือการแข่งขันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย เพราะฉะนั้น คนที่ต้องประเมินควรเป็นพรรคเพื่อไทยด้วย และผลออกมาแบบนี้ ตัวเขาเองก็ต้องปรับปรุงหรือหาทางเตรียมรับมืออย่างไรมากกว่า







