ลุ้น‘ตุลา’เดือนเดือด ไทย-กัมพูชา จบบนโต๊ะ VS นับหนึ่งปะทะ

ในห้วงเดือนตุลาคม จะเห็นทิศทางชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า จะจบลงบนโต๊ะเจรจา หรือย้อนกลับไปวันเสียงปืนแตกอีกครั้ง
KEY
POINTS
- 1 ต.ค.2568 “รัฐบาลอนุทิน” จะมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินโดยสมบูรณ์ เช่นเดียวกับ ขุนศึกชุดใหม่ ต้องมารับไม้ต่อภารกิจปกป้องอธิปไตย
- จับตา 2 เวทีการประชุมทวิภาคี ระดับฝ่ายปฏิบัติ และระดับฝ่ายนโยบายต้นเดือน ต.ค.จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
สัปดาห์แห่งการเปลี่ยนผ่าน “อนุทิน ชาญวีรกุล” นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 29-30 ก.ย.2568 นี้ โดยรัฐบาลยึด 3 หลักการในการบริหารงาน
พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ยึดมั่นในหลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และการบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
โดยแบ่งนโยบายสำคัญที่จะแก้ปัญหาเร่งด่วน 5 ด้าน เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม ภัยธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
โฟกัสด้านความมั่นคง เรื่องการแก้ปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ใช้แนวทางสันติภาพ เพื่อนำความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ประชาชนตามบริเวณชายแดนโดยเร็ว และรักษาไว้ซึ่งอธิปไตย และเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล
ดำเนินการยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสม ควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง และทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา
ดำเนินนโยบายต่างประเทศในเชิงรุกที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจ และสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
เปิดฉากด้วย “สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” รมว.การต่างประเทศ เริ่มไล่กวดกัมพูชา ใช้เวทีการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ชี้แจงข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อผู้แทนระดับสูงของรัฐสมาชิกที่มีบทบาทสำคัญในสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
ตั้งแต่ รมว.การต่างประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ขอให้โน้มน้าวฝ่ายกัมพูชายุติการละเมิดอนุสัญญาฯ และกลับสู่การร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับฝ่ายไทย
รมว.การต่างประเทศรัสเซีย ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ตอกย้ำการยึดมั่นของไทยในการดำเนินการอย่างสันติวิธี ตลอดจนถึงการพูดคุยกับ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน อาทิ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และบรูไน
ในห้วงเวลาเดียวกันนี้ “กองทัพ” เริ่มรับ-ส่งหน้าที่ ในตำแหน่งสำคัญ ดังต่อไปนี้
วันที่ 29 ก.ย. พิธีรับ-ส่งหน้าที่ ตำแหน่ง ผบ.ทร. ระหว่าง พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ กับ พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์
วันที่ 30 ก.ย. พิธีรับ-ส่งหน้าที่ ตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ระหว่าง พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ กับ พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ พิธีรับ-ส่งหน้าที่ ตำแหน่ง ผู้บัญชาการสูงสุด ระหว่าง พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี กับ พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ พิธีรับ-ส่งหน้าที่ ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ ระหว่าง พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล กับ พล.อ.อ.เสกสรร คันธา
ส่วนระดับแม่ทัพภาค ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 (มทภ.1) ระหว่าง พล.ท.อมฤต บุญสุยา กับ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ ตำแหน่ง มทภ.2 ระหว่าง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง กับ พล.ต.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์
ตำแหน่ง มทภ.3 ระหว่าง พล.ท.กิติพงษ์ แจ่มสุวรรณ กับ พล.ต.วรเทพ บุญญะ และ ตำแหน่ง มทภ.4 พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ กับ พล.ต.นรธิป โพยนอก
1 ต.ค.2568 “รัฐบาลอนุทิน” จะมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินโดยสมบูรณ์ เช่นเดียวกับ ขุนศึกชุดใหม่ ต้องมารับไม้ต่อภารกิจปกป้องอธิปไตย ท่ามกลางความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาระลอกใหม่
จับตา 2 เวทีการประชุมทวิภาคี ระดับฝ่ายปฏิบัติ และระดับฝ่ายนโยบายต้นเดือน ต.ค.นี้ จะเป็นไปตามกำหนดการเดิม หรือเลื่อนออกไป ซึ่งจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
เวทีแรก การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา(RBC) ใน 3 พื้นที่กองทัพภาคที่2 (ทภ.2) กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ถูกเลื่อนมาแล้ว 1 ครั้ง ปัญหาหลัก กัมพูชา ไม่ปฎิบัติตาม ข้อตกลงที่คุยกันไว้ ไม่ร่วมเก็บกู้ ทุ่นระเบิด ไร้สัญญาณถอนอาวุธหนัก และยังใช้กำลังทหารยั่วยุในพื้นที่ ทภ.2 หวังผลในเวทีนานาชาติ
ส่วน ทภ.1 การจัดระเบียบบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กัมพูชาไม่มีทีท่าจะเสนอแผนอพยพคนกัมพูชาที่รุกล้ำ ทั้งพื้นที่อ้างสิทธิ์ และพื้นที่เขตแดนไทย อีกทั้งยังใช้โล่มนุษย์มาเป็นเกราะกำบัง
“ปริญญา โพธิสัตย์” ผู้ว่าฯสระแก้ว ประกาศไม่เจรจากับ “อุม เรียไตร” ผู้ว่าฯบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย อีกต่อไป หากยังไม่ส่งแผนอพยพคนกัมพูชาออกจากพื้นที่ก่อน 10 ต.ค. จะแจ้งให้ RBC รับทราบ พร้อมดำเนินการกับผู้ที่รุกล้ำ โดยใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.ป่าไม้
แน่นอนว่า หากกัมพูชายังไม่มีแผนถอนอาวุธหนัก และแผนอพยพคนกัมพูชาออกจาก จ.สระแก้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) ระหว่าง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กับ เตียเซรยฮา รองนายกฯและรมว.กลาโหม กัมพูชา
ในวันที่ 10 ต.ค. ก็ยากจะเกิดขึ้น
สัญญาณชี้ชัดว่าการเจรจาไม่ได้ผล การบังคับใช้กฎหมาย โดยการบูรณาการทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าผลักดันคนกัมพูชา รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง จะเริ่มขึ้น
การกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่ไทย กับคนกัมพูชา ย่อมเป็นไปได้สูง และมาตรการจะยกระดับขึ้นเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ โดยใช้ตำรวจควบคุมฝูงชน ส่วนกำลังทหารจะทำหน้าที่ปิดพื้นที่ ป้องกันการขนคนกัมพูชานอกพื้นที่เข้ามาเติม
แผนปฏิบัติการของกองทัพบกที่วางไว้ ผ่านการอนุมัติ “รัฐบาลอนุทิน” แค่รอวัน ว.เวลา น. ดังนั้นในห้วงเดือนตุลาคมนี้ จะเห็นทิศทางชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าจะจบลงบนโต๊ะเจรจา หรือย้อนกลับไปวันเสียงปืนแตกอีกครั้ง







