คกก.ม.112 มติ 8-2 ไม่อุทธรณ์คดี 'ทักษิณ' ชง อสส.ชี้ขาด ก่อน 22 ต.ค.

คกก.ม.112 มติ 8-2 ไม่อุทธรณ์คดี 'ทักษิณ' ชง อสส.ชี้ขาด ก่อน 22 ต.ค.

คกก.อัยการคดี ม.112 มติ 8-2 ไม่อุทธรณ์คดี 'ทักษิณ' ชง อสส.ชี้ขาดจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ หลังศาลขีดเส้นภายใน 22 ต.ค.นี้

KEY

POINTS

  • คณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 มีมติ 8-2 เสียง ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีที่ศาลอาญายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร
  • มติของคณะกรรมการเป็นเพียงความเห็นเบื้องต้นเพื่อเสนอให้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้พิจารณาชี้ขาดขั้นสุดท้าย
  • อัยการสูงสุดจะต้องตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ก่อนครบกำหนดในวันที่ 22 ตุลาคม 2568
  • หากอัยการสูงสุดเห็นด้วยกับมติไม่อุทธรณ์ จะทำให้คดีของนายทักษิณสิ้นสุดลงในศาลชั้นต้นทันที

เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2568 2568 จากกรณี ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง คดีกล่าวหา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ โดย อสส.ได้ยื่นต่อศาลขอขยายเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 1 เดือน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 22 ต.ค. 2568 นั้น

มีรายงานข่าวจากสำนักงาน อสส.แจ้งว่า อสส.คนปัจจุบัน (นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคดีตามมาตรา 112 ของอัยการ โดยมี นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอัยการสูงสุด (ว่าที่อัยการสูงสุด ในวันที่ 1 ต.ค.นี้) เป็นประธาน

ล่าสุด คณะกรรมการพิจารณาคดีตามมาตรา 112 ดังกล่าว มีการพิจารณาเเละมีมติเบื้องต้น 8-2 เสียง ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีที่นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด (ขณะนั้น) โดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เเละความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณเคยให้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้ มีเนื้อหากระทบสถาบันฯ ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา

เนื่องจากศาลเห็นว่า ผู้ที่ได้รับฟังคลิปเสียงวิดีโอ ล้วนเข้าใจตรงกันว่า จำเลยให้สัมภาษณ์โจมตีการยึดอำนาจและรัฐประหาร โดยพาดพิงถึง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และองคมนตรีเท่านั้น ไม่ได้พาดพิงหรือสื่อความหมายถึงสถาบันฯ ว่าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร รวมทั้งการสืบพยานหลักฐานโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาว่าจำเลยกระทำความผิด จึงรับฟังไม่ได้

โดยที่ประชุมได้ส่งเรื่องให้ นายไพรัช พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายไพรัช ยังมีเวลาพิจารณาก่อนจะพ้นวาระ วันที่ 30 ก.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 คือ คณะกรรมการที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาพิจารณา คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั่วราชอาณาจักร ประกอบไปด้วย รอง อสส.ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานปัจจุบัน คือ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รอง อสส. ส่วนเลขาคณะกรรมการ คือ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาโดยตำเเหน่ง ในส่วนคณะกรรมการ จะมาจากอัยการที่ดำรงตำเเหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี และอธิบดีอัยการสำนักงานอาญาอื่นๆ เพราะถือว่าเป็นสำนักงานที่ต้องรับคดีประเภทนี้โดยตรง

นอกจากนี้ ยังมีอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนร่วมด้วยเนื่องจากบางคดีมีสำนวนที่เป็นคดีนอกราชอาณาจักร รวมถึงผู้ตรวจการอัยการบางคน และมีระดับรองอธิบอัยการบางสำนักงาน รวมกันเกินกว่า 10 คน ขึ้นอยู่กับอัยการสูงสุดในขณะนั้นตั้งขึ้น ทำหน้าที่พิจารณาสำนวนคดีมาตรา 112 จากทั่วประเทศ ซึ่งอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเห็นของคณะกรรมการชุดนี้

สำหรับ คดีทักษิณ ตามขั้นตอน คดีมาตรา 112 เป็นคดีนอกราชอาณาจักร อำนาจพิจารณายื่นอุทธรณ์จึงเป็นของ อสส. การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 จึงเป็นการกลั่นกรองเบื้องต้นให้ อสส.ไม่ใช่การสั่งคดีเหมือนในชั้นพิจารณาคดี 112 ทั่วไป

ส่วนขั้นตอนต่อไปหาก อสส.ไม่ยื่นอุทธรณ์ตามความเห็นของคณะกรรมการคดีมาตรา 112 จะส่งผลให้คดีของนายทักษิณสิ้นสุดทันทีในศาลชั้นต้น แต่หาก อสส.มีคำสั่งให้ยื่นอุทธรณ์คดีก็จะเข้าสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ตามขั้นตอนต่อไป