มทภ.1 เกาะติดชายแดนสระแก้ว โวย ผู้ว่าฯบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ให้ท้ายชาวกัมพูชา

มทภ.1 เกาะติดชายแดนสระแก้ว  โวย ผู้ว่าฯบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ให้ท้ายชาวกัมพูชา

มทภ.1 เกาะติดสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว ถกแผนรับมือ โวย ผู้ว่าฯบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ให้ท้ายมวลชนกัมพูชา ถามกลับ ทำเช่นนี้คุยรู้เรื่องอย่างไร

เมื่อวันที่ 25 ก.ย.68 พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ หนองจาน และหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จังหวัดสระแก้ว ว่า พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 มีความซับซ้อน แตกต่างจากพื้นที่อื่น อย่างไรก็ตามเราพยายามรักษาพื้นที่ตามนโยบายของทางรัฐบาล ที่ผ่านมาการทำงานของกองทัพภาคที่ 1 อยู่ในรูปแบบการวางแผนอำนวยการสถานการณ์และการประสานงาน คู่ขนานในหลายมิติ โดยยึดถือกรอบของคณะกรรมการ ทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) เพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลง นโยบายและการปฏิบัติในระดับนโยบาย

พล.ท.อมฤต กล่าวอีกว่า ส่วนการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนซึ่งทางกัมพูชายอมรับ แต่ขอนำไปหารือในเวทีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(JBC) ซึ่งจะเป็นโมเดลในการนำไปสู่พื้นที่อื่นๆ ขอย้ำว่ากองทัพภาคที่1 ให้ความสำคัญในการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน เป็นหลักและเป็นเรื่องเร่งด่วน 

สำหรับเรื่องการควบคุมสถานการณ์นั้นได้มอบหมายให้ทางผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ พร้อมระดมทุกภาคส่วน รวมถึงกองร้อยควบคุมฝูงชนและกำลังทหารโดยการบูรณาการร่วมกัน เพื่อยกระดับพัฒนาสถานการณ์ โดยการปฏิบัติเราจะยึดถือหลักมาตรฐานสากลจากเบาไปหาหนัก 

“ในเมื่อเขาใช้มวลชน ในการยั่วยุ ก็ต้องใช้การปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้กัมพูชา นำไปบิดเบือน ในเวทีโลกทุกอย่างได้กำหนดเป็นขั้นเป็นตอน สอดคล้องกับกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม“ พล.ท.อมฤต กล่าว

แม่ทัพภาคที่ 1 ย้ำว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประสานกับทางฝ่ายตำรวจในการขอสนับสนุนทั้งกำลังพล รวมถึงรถฉีดน้ำจีโน่ เพื่อเสริมสร้างความพร้อม และในวันนี้ได้มีการประชุมหารือ เพื่อเสนอแผน เพื่อให้การดำเนินการประสานงานสอดคล้องในทุกด้าน ตนได้ให้แนวทางเพิ่มเติมโดยเฉพาะสิ่งสำคัญคือการให้การสนับสนุนด้านต่างๆ โดยเฉพาะการสนับสนุน ยุทโธปกรณ์ ที่สร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพล ในการปฎิบัติหน้าที่ มีอุปกรณ์พิเศษที่รองรับในสถานการณ์ปัจจุบัน ขอให้มั่นใจว่ากองทัพภาคที่1 มีการเตรียมพร้อม และการวางแผนอย่างรอบคอบในทุกมิติ ขอให้ประชาชนได้มั่นใจ 

ส่วนการเลื่อนประชุมอาร์บีซี เนื่องจากข้อมูลต่างๆของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่เสร็จสมบูรณ์ อาจทำให้การประชุมไม่เรียบร้อย ซึ่งขณะนี้ได้มีการเร่งดำเนินการทำข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อให้มีการประชุมโดยเร็ว เพื่อให้ทันกรอบการประชุมจีบีซี 

ส่วนกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ขีดเส้นภายหลังวันที่ 10 ตุลาคม จะบังคับใช้กฎหมายกับคนกัมพูชานั้น พล.ท.อมฤต กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ชี้แจง คือให้ทาง กัมพูชาส่งแผนการอพยพคน หากไม่มีการส่งแผนก็จะรายงานไปทางหน่วยเหนือ ตั้งแต่ระดับกองทัพบก กระทรวงกลาโหม และรัฐบาลเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการปฏิบัติ ย่ำว่ากองทัพภาคที่ 1 พร้อมในทุกส่วนอยู่แล้ว

พล.ท.อมฤต กล่าวต่อว่า ในส่วนของพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นงานด้านการข่าว แต่วิธีการของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งจะแตกต่างจากทางกองทัพภาคที่ 2 ใช้กำลังทหารปฏิบัติในการยั่วยุ ส่วนในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 จะเห็นแล้วว่าทางกัมพูชาจะใช้วิธีการอย่างไร ดังนั้นการดำเนินการจะต้องรอบคอบ ขอย้ำว่าเราจะต้องไม่ตกอยู่ในเกมกัมพูชา ต้องดึงเขาให้มาอยู่ในเกมของเรา ซึ่งจะเห็นได้ว่า กัมพูชาพยายามจะเบี่ยงเบนและสร้างภาพต่างๆ แต่เรารู้ว่าเขาสร้างข้อมูลเท็จ เช่น ให้ส่วนอื่นมาแต่งตัวเป็นพระ นำ เด็ก สตรี มายั่วยุ หรือแม้แต่ข้อตกลงที่ผู้ว่าฯจังหวัดสระแก้ว เสนอไป แต่ถึงเวลาผู้ว่าราชการบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย กลับไปให้ท้าย แล้วจะคุยกันรู้เรื่องอย่างไร ทุกอย่างก็จะพัฒนาตามระดับ ซึ่งกองทัพภาคที่ 1 พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ทุกรูปแบบ

“ยืนยันว่าในพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของไทยตั้งแต่หลักเขตที่ 42 หนองหญ้าแก้ว ถึงหลักเขตที่ 46 เราจะได้อธิปไตยขึ้นมาแน่นอนเพียงแต่ว่าต้องมีกระบวนการ ทหารฝ่ายเดียวคงทำไม่ได้ต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมมือกัน ซึ่งมองว่านี่คือความแน่นแฟ้น”พล.ท.อมฤต กล่าว