‘ชาตินิยม’ โอกาสผงาดภูมิใจไทย ปลุกอีสานใต้ รุกภาคใต้ ลุยภาคกลาง

‘ชาตินิยม’ โอกาสผงาดภูมิใจไทย ปลุกอีสานใต้ รุกภาคใต้ ลุยภาคกลาง

‘ชาตินิยม’ โอกาสผงาดภูมิใจไทย ปลุกกระแส ‘อีสานใต้’ รุกภาคใต้ ลุยภาคกลาง รัฐบาลมุ่งแก้ปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา ไฟเขียวกองทัพนำ

สถานการณ์ขัดแย้ง ไทย - กัมพูชา มีส่วนสำคัญในล้ม “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” ปมหลักมาจากคลิปสนทนา “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา นำมาสู่คำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ก่อนจะเกิดการพลิกขั้วการเมือง จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นั่งเก้าอี้นายกฯ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าระยะเวลา 4 เดือนของ “อนุทิน” จะยังสาละวนกับปัญหาชายแดน ไทย - กัมพูชา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสงคราม 5 วัน ยังไม่มีใครแพ้ - ใครชนะ แต่มีการสัญญาหยุดยิงที่ตามมาด้วยปัญหาอื่น

เมื่อปมขัดแย้งยังไม่จบ จึงเป็นบทพิสูจน์การทำงานของ “รัฐบาลอนุทิน” บนโจทย์ “ชาตินิยมสุดโต่ง” การขยับนโยบายชายแดน อาจจะต้องอิงกับกระแสสังคม

จับอาการ “บิ๊กเล็ก” ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม แถลงผลประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (จีบีซี) เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 อาจจะผ่อนปรนเปิดด่านบางจุด โดนถล่มอย่างหนัก จนต้องถอยกราวรูด

จับท่าทีของ “อนุทิน” ออกมาปลุกกระแสเปิดด่านทันที “หนูไม่กล้าเปิด” พร้อมเกทับให้ “กองทัพ” ตัดสินใจในการดำเนินนโยบายชายแดน ไทย - กัมพูชา เอาหลังพิงทหารเก็บแต้ม “ชาตินิยม”

ต้องยอมรับว่าสนามรบตามแนวชายแดนภาคอีสานตอนใต้ ลามไปจนภาคตะวันตอนล่าง ลดทอนแต้มการเมือง “พรรคเพื่อไทย” จุดกระแสชาตินิยมพุ่งสูง แต่ยังจะไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถเก็บแต้มตรงนี้ไปได้

อย่างไรก็ตาม “พรรคภูมิใจไทย” มีโอกาสที่จะโกยแต้ม “ชาตินิยม” มากกว่าพรรคการเมือง จากจุดยืนเดิมที่ยึดหัวหาด “พรรคอนุรักษ์” อยู่แล้ว พยายามไต่ขึ้นมายึดเบอร์หนึ่งค่ายอนุรักษ์ให้ได้

ยิ่งท่าทีของ “พรรคภูมิใจไทย” โชว์จุดยืนออกจาก “พรรคร่วมรัฐบาลแพทองธาร” ตั้งแต่มีคลิปสนทนา “ฮุน เซน” ยิ่งทำให้แต้มการของ “พรรคภูมิใจไทย” เพิ่มมากขึ้น

เมื่อพลิกขั้วมาครองอำนาจรัฐ จึงเป็นบทพิสูจน์ว่า “อนุทิน - พรรคภูมิใจไทย” จะสถาปนาตัวเองให้เป็น “พรรคอนุรักษ์” เบอร์หนึ่งได้เต็มตัวหรือไม่ ดังนั้นนโยบายชายแดน ไทย - กัมพูชา จะมีผลสำคัญต่อการเลือกตั้งปี 2569

เคลียร์ปมขัดแย้งกระชากแต้ม

ต้องจับตาปมทวงคืนแผ่นดินไทย โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดย “ปริญญา โพธิสัตย์” ผวจ.สระแก้ว ได้มีหนังสือตอบกลับไปยังนายอุม เรียม เตร็ย ผวจ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ให้ทำแผนอพยพประชาชนออกจากพื้นที่บุกรุกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ต.ค.68 ก่อนที่ทางการไทยจะเข้าเคลียร์พื้นที่

ปม “กาสิโน” บริเวณด่านท่าเส้น อ.เมือง จ.ตราด ก่อสร้างรุกล้ำพื้นที่ดินแดนไทย ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจ โดยมีการเสนอให้รื้อสิ่งปลูกสร้างทิ้ง

ขณะเดียวกันยังมีกระแสข่าว “รัฐบาล - กองทัพ” มุ่งหวังจะยึดปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งโดน “ทหารกัมพูชา” เข้าไปยึดตัวปราสาท ในการปะทะกันก่อนจะมีการหยุดยิง

หาก “อนุทิน - กองทัพ” สามารถปฏิบัติการยึดแผ่นดินไทย ยึดปราสาทตาควาย และพื้นที่สมรภูมิรบกลับมาได้ แต้มการเมืองจาก “กระแสชาตินิยม” จะไหลเข้าสู่ “พรรคภูมิใจไทย” กระชากเรตติ้ง “ผู้นำ” ให้กับ “อนุทิน”

จากเดิมที่ “พรรคภูมิใจไทย” วางแนวทางการเมืองเป็น “พรรคบ้านใหญ่” ไม่มีแต้มจากกระแส หากสามารถดึงกระแส “ชาตินิยม” มาผูกติดกับพรรค บวกกับ “บ้านใหญ่” ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่แล้ว อาจจะทำให้ “พรรคภูมิใจไทย” มีตัวเลข สส. ทะลุหลักร้อย

เมื่อไล่ดูตามพื้นที่ยุทธศาสตร์จะพบว่า จังหวัดภาคอีสานตอนใต้ กระแส “พรรคเพื่อไทย” ตกฮวบ “พรรคภูมิใจไทย” พุ่งสูง

โกยเก้าอี้ สส. อีสานใต้

จ.อุบลราชธานี จากที่เคยเป็นอาณาจักรของ “ค่ายสีแดง” เครือข่ายค่อนข้างเข้มแข็ง แต่การเลือกตั้งปี 2566 ผ่านด่านเข้ามาเพียง 4 ที่นั่ง ที่เหลือถูกเจาะพรุน พรรคภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง พรรคไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง พรรคไทยสร้างไทย 1 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ 1 ที่นั่ง

จ.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทยมีเครือข่ายบ้านใหญ่ “ไตรสรณกุล” ครองเครือข่ายฐานเสียงค่อนข้างเข้มแข็ง ผลการเลือกตั้งนายกฯ อบจ. “วิชิต ไตรสรณกุล” คว้าชัย อย่างขาดลอย เมื่อบวกกับกระแสค่ายแดงขาลง มีโอกาสที่ “พรรคภูมิใจไทย” โกย สส. ยกจังหวัด

จ.สุรินทร์ เป็นจังหวัดที่ “ครูใหญ่เนวิน” หวังจะยึดให้ได้ทั้งจังหวัด การเลือกตั้งปี 2566 “ค่ายน้ำเงิน - ค่ายแดง” เบียดกันอย่างสูสี “ภูมิใจไทย” แบ่งมาได้ 4 ที่นั่ง “เพื่อไทย” ได้ไป 3 ที่นั่ง

ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวในทางลับว่า “ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” สส.สุรินทร์ เป็นหนึ่งในสส.ที่“ครูใหญ่”เปิดดีล แต่เจ้าตัวอยู่ระหว่างตัดสินใจ และโอกาสที่จะทิ้งค่ายแดงค่อนข้างสูง

จ.บุรีรัมย์ ฐานที่มั่นของ “ครูใหญ่ - เครือข่ายสีน้ำเงิน” โอกาสคว้าเก้าอี้ สส. ยกจังหวัด 10 ที่นั่ง เหมือนปี 2566 มีสูงลิบ

จ.นครราชสีมา การเลือกตั้งปี 2566 เพื่อไทยกวาดมาได้ถึง 12 ที่นั่ง พรรคประชาชน 3 ที่นั่ง ส่วนภูมิใจไทยแทรกมาได้เพียง 1 ที่นั่ง แม้จะประเมินกันว่าฐานเสียงเพื่อไทยในนครราชสีมาเหนียวแน่น แต่ปมขัดแย้ง ไทย - กัมพูชา แต้มค่ายแดงลดฮวบ โอกาสที่ “ค่ายน้ำเงิน” จะแทรกตัวเข้ามาเป็นไปได้สูง

ที่สำคัญต้องจับตา “เสี่ยแป้งมัน” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ผู้มากบารมี และเครือข่ายใน “โคราช” จะไปต่อกับ “พรรคเพื่อไทย” หรือจะสร้างอาณาจักรของตัวเอง โดยถ่ายโอนไปยัง “พรรคไทรวมพลัง” พรรคสำรองของ “เสี่ยแป้งมัน”

บ้านใหญ่ภาคกลางแข็งแกร่ง

สำหรับพื้นทที่ภาคกลาง “พรรคภูมิใจไทย” มีฐานของเครือข่ายบ้านใหญ่ค่อนข้างแข็งแกร่ง อาทิ “ตระกูลไทยเศรษฐ์” บ้านใหญ่อุทัยธานี  “ตระกูลปริศนานันทกุล” บ้านใหญ่อ่างทอง  “ตระกูลพันธ์เจริญวรกุล” บ้านใหญ่อยุธยา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ “บ้านใหญ่ภาคกลาง” อีกหลายจังหวัดเตรียมพาเหรดเข้าพรรคสีน้ำเงิน

เมื่อบวกกับกระแส “ชาตินิยม” ที่อาจจะถ่ายโอนจาก “ทหาร” มายัง “พรรคสีน้ำเงิน” ยิ่งจะทำให้ “บ้านใหญ่ภาคกลาง” สยายปีกได้มากขึ้น เพราะการสู้กับ “พรรคประชาชน” กระสุนอย่างเดียวอาจจะไม่พอ ต้องพึ่งพากระแสควบคู่เข้าไปด้วย

ขยายฐานภาคใต้ “บ้านใหญ่” แห่ซบ

พื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นฐานเสียงของ “อนุรักษ์” มาอย่างยาวนาน กระแสชาตินิยมในหัวใจคนใต้ค่อนข้างเข้มข้น จึงไม่แปลกที่นกรู้อย่าง “ทีมเลขาฯขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลือกแยกทางกับพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพราะประเมินกระแสแล้วว่า “พรรคสีน้ำเงิน” ในดินแดนด้ามขวาน อยู่ในทิศทางขาขึ้น

เช่นเดียวกับกับ “บ้านใหญ่สีฟ้า” อาทิ “ตระกูลบุญญามณี” บ้านใหญ่สงขลา “ตระกูลโล่สถาพรพิพิธ” บ้านใหญ่ตรัง มีแนวโน้มสูงที่จะย้ายซบ “พรรคภูมิใจไทย” เช่นกัน

ประเมินจากกระแสการเมือง ปมขัดแย้ง ไทย - กัมพูชา อาจจะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้งปี 2569 แน่นอนว่า “อนุทิน - ภูมิใจไทย” ต้องฉกฉวยโอกาส ดึงกระแส “ชาตินิยม” ให้มาผนึกกับการเมือง “บ้านใหญ่” ส่งให้ “พรรคภูมิใจไทย” มีตัวเลข สส. เกินร้อยเป็นครั้งแรก

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์