ภูมิใจไทย‘ดีล-ดูด’สูตรสานฝัน ‘นายกฯหนู’ สู่ผู้นำสมัยสอง ?

ภายใต้สมการ “ภูมิใจไทย100+ที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ปลายทางไม่ได้หวังแค่เป็นรัฐบาล หากแต่มีเป้าหมายสูงสุดที่เก้าอี้ “เบอร์หนึ่ง” ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลเป็นสมัยที่ 2
KEY
POINTS
- พรรคภูมิใจไทยใช้กลยุทธ์ "ดีล-ดูด" โดยการดึงนักการเมืองและกลุ่มการเมืองจากพรรคอื่นเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง
- เป้าหมายสูงสุดของยุทธศาสตร์นี้คือการผลักดันให้ "อนุทิน ชาญวีรกูล" (นายกฯหนู) กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สอง
- พรรคได้พุ่งเป้าขยายฐานที่มั่นสำคัญไปยังพื้นที่ภาคใต้ โดยตั้งเป้าหมายให้ได้ สส. อย่างน้อย 30 ที่นั่ง จากเดิมที่มีอยู่ 11 ที่นั่ง
- ภูมิใจไทยอาศัยความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคประชาธิปัตย์ (ค่ายสีฟ้า) เป็นโอกาสในการดึงตัว สส. และบ้านใหญ่ในหลายจังหวัด เช่น ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง และนครศรีธรรมราช
- มีการเปิดดีลเจรจากับกลุ่มการเมืองสำคัญในภาคใต้ เช่น กลุ่มของ "ชุมพล จุลใส" ที่ชุมพร, "บ้านใหญ่กาญจนะ" ที่สุราษฎร์ธานี และซุ้มของ "สมชาย โล่สถาพรพิพิธ" ที่ตรัง
- นักการเมืองบางกลุ่มจากพรรคประชาธิปัตย์ยังคงชะลอการตัดสินใจ (ยื้อดีล) เพื่อรอดูความชัดเจนของผู้นำพรรคคนใหม่ ก่อนจะตัดสินใจย้ายสังกัด
จังหวะก้าวย่างของ “พรรคสีน้ำเงิน” จนถึงวินาทีนี้ ยังคงเดินเกมเร็ว-เคลื่อนเกมแรง เดินสายดูดซุ้มการเมือง เติมเสียงสู้เกมยาว
แน่นอนว่า ภายใต้สมการ “ภูมิใจไทย100+”สานฝัน “น.หนู” ที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ ปลายทางไม่ได้หวังแค่เป็นรัฐบาลในรอบหน้าแต่เพียงเท่านั้น หากแต่มีเป้าหมายสูงสุดที่เก้าอี้ “เบอร์หนึ่ง” ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลเป็นสมัยที่ 2
เช่นนี้ย่อมต้องจับตาไปที่ “จุดยุทธศาสตร์” นอกเหนือจากการขยายฐานที่มั่นภาคอีสาน และภาคกลาง ล็อกเป้าไปที่จังหวัดบ้านใหญ่แล้ว
โฟกัสหลักของภูมิใจไทยรอบนี้ ยังอยู่ที่ “สมรภูมิภาคใต้” ซึ่งถือเป็นฐานที่มั่นสำคัญอีกหนึ่งแห่ง
ในวันเปิดตัว “3 ว่าที่ผู้สมัคร” สส.ภูเก็ต เมื่อ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา “โกเกี๊ย” พิพัฒน์ รัชกิจประการ แม่ทัพภาคใต้ค่ายภูมิใจไทย ตอกย้ำเป้าหมายที่นั่งผู้แทนในพื้นที่ภาคใต้ รอบนี้อยู่ที่ 30 คนเป็นอย่างน้อย จากรอบที่ผ่านมากวาดสส.ภาคใต้เข้าสภาฯ 12คน ปัจจุบันเหลือ11 คน เนื่องจาก “มุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล”ถูกศาลฎีกามีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ขณะที่การเลือกตั้งซ่อมภูมิใจไทยเสียแชมป์ให้กับพรรคกล้าธรรม
ตอกย้ำจากภาพของการเปิดตัวซุ้มการเมืองสายใต้ ไล่ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. เปิดตัว“สุพิศ พิทักษ์ธรรม” นายกอบจ.สงขลา พร้อมสมาชิกสภาอบจ.สงขลา สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยอย่างเป็นทางการ
ถัดมา วันที่ 17 ก.ย.เปิดตัว “ชุมพล จุลใส” อดีตสส.ชุมพร พร้อมกลุ่ม “พลังชุมพร” 50 คน หมายรวมไปถึง 2 สส.ชุมพร คือ “สุพล จุลใส” น้องชาย “ลูกหมี” ชุมพล และ “วิชัย สุดสวาทดิ์” ที่เวลานี้ยังสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติโดยนิตินัย
อย่างที่รู้กัน ท่ามกลางความระส่ำระสายในพรรครวมไทยสร้างชาติ ระหว่างสาย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค และสาย“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์”ส่งผลให้ “เลขาขิง” ตัดสินใจไขก๊อกจากตำแหน่งเลขาพรรค
ย่อมต้องจับตาไปที่ก้าวย่างการเมือง กลุ่มสส.ในสาย “อดีตเลขาขิง” หลังจากที่ “ซุ้มชุมพร” ได้นำร่องย้ายเข้าสังกัดสีน้ำเงินไปล่วงหน้า
โดยเฉพาะ “ซุ้มเมืองหอยใหญ่” ของชุมพล กาญจนะ อดีตสส.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย “โสภา กาญจนะ” นายกอบจ.สุราษฎร์ธานี และสส.รวมไทยสร้างชาติอีก 4 คน
ลึกๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่าง “ซุ้มเมืองหอยใหญ่” และ “ค่ายสีน้ำเงิน” มีการส่งสัญญาณทอดไมตรีกันมาตั้งแต่ศึกชิงนายกอบจ.สุราษฎ์ธานี
เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาเป็นที่รู้กันโดยทั่วว่า ชัยชนะของ “ป้าโส” ที่สามารถล้ม “กำนันศักดิ์” พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว แชมป์เก่า จนขึ้นแท่นเป็นนายกอบจ.หญิงคนแรกของเมืองหอยใหญ่ได้สำเร็จนั้น มีปัจจัยหลักอยู่ที่การเปิดเกม “รุมกินโต๊ะ” จากฝั่ง “บ้านใหญ่กาญจนะ” ที่ผนึกหัวคะแนนภูมิใจไทย และ“กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ”
ปัจจุบัน “ซุ้มกาญจนะ” มีสส.ในมือ 5 คน 2 พรรค คือ รวมไทยสร้างชาติ 4 คน และ “กำนันชัย”พิชัย ชมภูพล ที่ฝากเลี้ยงไว้ที่ภูมิใจไทยอีก 1 คน
ฉะนั้น ในการเลือกตั้งสนามใหญ่ เมื่อ“ซุ้มกาญจนะ”ยังต้องไปชนกับ“ซุ้มกำนันศักดิ์”ที่เวลานี้เป็นแม่ทัพภาคใต้ พรรคกล้าธรรม มิหนำซ้ำสถานการณ์รวมไทยสร้างชาติเวลานี้กำลังแตกกระสานซ่านเซ็นด้วยแล้ว มีโอกาสสูงที่ปลายทางของบ้านใหญ่กาญจนะ จะพุ่งตรงไปที่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีกระสุนเต็มกระเป๋ามากกว่า
ทว่าอีกหนึ่งกระแสยังมีรายงานว่า “แกนพรรคสีฟ้า” ได้ส่งสัญญาณพร้อมเปิดดีลเทียบเชิญ “เอกนัฏ” รวมถึงศิษย์เก่าประชาธิปัตย์ คืนรังเพื่อช่วยกันฟื้นฟูค่ายสีฟ้าในช่วงที่กำลังเปลี่ยนผ่าน
โดยสัญญาณล่าสุด จาก“เอกนัฏ” ยอมรับว่า มีการชักชวนให้กลับพรรคประชาธิปัตย์จริง แต่ส่วนตัวยังไม่ได้ตัดสินใจ เนื่องจากสมาชิกหลายคนตัดสินใจแล้ว อย่างชุมพร ก็ชัดเจนว่าไปภูมิใจไทย ขณะที่อีกหลายคนก็ไปภูมิใจไทย
ไม่ต่างจากความระส่ำระสายที่เกิดขึ้นใน “ค่ายสีฟ้า” เวลานี้ เห็นชัดจากการลาออกของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรค ที่กลายเป็นโอกาสให้ “พรรคสีน้ำเงิน” สบช่องโชว์พลังดูด
โฟกัสไปที่ซุ้มเมืองตรังของ “โกหนอ”สมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีตสส.ตรัง บ้านใหญ่ย่านตาขาว เวลานี้มีสส.ในมือ4คน3พรรค ก่อนหน้าปรากฎซีนการพบกันระหว่าง 2ผู้มากบารมีทั้ง “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่สีน้ำเงิน และ “โกหนอ”สมชาย ที่จ.ตรัง เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
เจาะลึกทั้ง4เขต เขต1คือ ถนอมพงศ์ หลีกภัย พรรครวมไทยสร้างชาติ และเขต2คือ ทวี สุระบาล จากพรรคพลังประชารัฐ ล่าสุดได้รับคำยืนยันจาก“แม่ทัพสีน้ำเงิน” ว่าทั้ง2คนตอบรับเป็นที่เรียบร้อย
ทว่าล่าสุดมีรายงานว่า ในส่วนของเขต1นั้น “กำนันนงค์” จำนง นาวาแก้ว เจ้าของฉายากำนันบ้านเรือนไทย ซึ่งเป็น“เมนสปอนเซอร์” ของ “ถนอมพงศ์”ในรอบที่แล้ว เตรียมส่ง“นายกเอก” เอกพล ณ พัทลุง นายกอบต.บ้านควน หลานชายลงชิงในเขตดังกล่าวในนามภูมิใจไทย
ที่ต้องลุ้นต่อคือ เขต3 คือ สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ลูกสาวโกหนอและเขต4 กาญจน์ ตั้งปอง 2สส.ประชาธิปัตย์ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหว ทั้ง “เฉลิมชัย” และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต่อสายพร้อมลงพื้นที่พูดคุยโดยฝั่ง “โกหนอ” พยายามทวงถามความชัดเจนไปยัง “หัวหน้าต่อ” ถึงทิศทางการเมืองจะไปต่อหรือพอแค่นี้
“โกหนอ” พูดถึงแรงกระเพื่อมภายในค่ายสีฟ้าในเวลานี้ จนเป็นเหตุให้ “หัวหน้าต่อ” ตัดสินใจลาออก ถ้าภาษาทางใต้จะเรียกว่า “หน่อแก่กว่าลำ”
ล่าสุดมีสัญญาณชัดจาก “โกหนอ” หลัง“หัวหน้าต่อ” ตัดสินใจไม่ไปต่อกับพรรคสีฟ้า โดยปลายทางคือพรรคสีน้ำเงิน
ขณะที่จ.นครศรีธรรมราช ต้องจับตาท่าที2บ้านใหญ่ ทั้ง “ชินวรณ์ บุญเกียรติ” ว่ากันว่า “คีย์แมนสีน้ำเงิน” พยายามเปิดดีลเคลียร์ใจปัญหาในอดีตในเรื่องความทับซ้อนของพื้นที่
การเลือกตั้งรอบที่แล้ว “ชินวรณ์” ขยับไปลงชิงในเขต7 (อ.ถ้ำพรรณรา,อ.ทุ่งใหญ่,อ.บางขันและอ.ทุ่งสง เฉพาะตำบลเขาขาว)
เพื่อหลีกทางให้“บีท” ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ ลูกสาวลงชิงในเขต8(อ.นาบอน,อ.ช้างกลาง,อ.ฉวางและอ.พิปูน) ซึ่งในเขตเดิมของตน
ทว่าผลการเลือกตั้งกลับผิดแผน“2พ่อลูก” พ่ายเรียบทั้ง2เขต แถมคะแนนยังทิ้งห่างผู้ชนะคือพรรคภูมิใจไทยแบบไม่เห็นฝุ่น
จากความพ่ายแพ้ของ“2พ่อลูกบุณยเกียรติ” รอบที่ผ่านมา นอกเหนือจากกระแสพรรคที่ไม่ท๊อปฟอร์มบวกการสลับเขตของ “ชินวรณ์” แล้ว ว่ากันว่า สาเหตุสำคัญเกิดจาก“กระสุน”ที่ตกหล่นลงไปไม่ถึงพื้นที่เป็นที่มาของความพ่ายแพ้แบบคับแค้นใจจนถึงทุกวันนี้
อีกคนที่ต้องจับตาคือ “อวยพรศรี ชวลิต” สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ หลังปรากฎภาพร่วมเฟรมกับ “นาที รัชกิจประการ” คีย์แมนภาคใต้พรรคภูมิใจไทย และ “วารินทร์ ชินวงศ์” นายกอบจ.นครศรีธรรมราช
ว่ากันว่า หลังจากที่ “พิพัฒน์” และ “นาที” ไปร่วมงานประเพณีบุญสารทเดือนสิบที่นครศรีฯแล้วแวะไปที่อ.ท่าศาลาเพื่อแวะรับประทานอาหารเที่ยงร้านข้าวแกงชื่อดัง “ป้าใจ” โดยมี “สายัณห์ ยุติธรรม” อดีตสส.ท่าศาลา ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเตรียมย้ายเข้าสังกัดสีน้ำเงินร่วมวงอยู่ด้วย
ทว่าหลังจากนั้นคณะของ “พิพัฒน์” กลับมุ่งหน้าไปที่บ้านใหญ่ “นายกเอ” อภินันท์ ชวลิต นายกอบต.ท่าศาลาและเป็นสามีของสส.อวยพรศรี เล่นเอา “คอการเมือง” ท่าศาลาต่างวิจารณ์กันให้แซ่ดถึงจังหวะสับขาหลอกของ “บิ๊กสีน้ำเงิน”
ในเชิงพื้นที่มีการวิเคราะห์ว่า ถ้ากลุ่มพิพัฒน์จับมือกับบ้านใหญ่ท่าศาลาได้จริง จะทำให้พรรคสีน้ำเงิน มีเครือข่ายท้องถิ่นหนุนเต็มสูบ
ขณะที่ “สายัณห์” ว่ากันว่า เมื่อเกมสีน้ำเงินมีการสับขาหลอกเช่นนี้อาจเบนเข็มไปที่พรรคสีฟ้าแทน
จะว่าไปเกม “ดูดสีฟ้า” เพื่อ “เติมสีน้ำเงิน” ที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ คำตอบสุดท้ายอาจอยู่ที่ศึกชิง “ผู้นำค่ายสีฟ้า” ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่18ต.ค.นี้ เช็กขุมกำลังสีฟ้านาทีนี้เห็นได้ชัดว่าเสียง “โหวตเตอร์” ส่วนใหญ่ยังอยู่ในมือ “เฉลิมชัย” ฉะนั้นจึงต้องลุ้นว่าเสียงจะเทไปในทิศทางใด
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ล่าสุดมีข่าวว่า ผู้ที่มีชื่ออยู่ใน “ลิสต์สีน้ำเงิน” อาทิ กลุ่มสงขลาทั้ง นิพนธ์ บุญญามณี อดีตสส.สงขลา และสมยศ พลายดวง สส.สงขลา
เวลานี้ยังคง “ยื้อดีล” สีน้ำเงิน หวังทอดเวลาออกไปเพื่อรอความชัดว่าใครจะมาเป็นผู้นำพรรคสีฟ้าคนใหม่







