'กมธ.ปกครอง' ชงข้อมูลให้ 'กรมการปกครอง' เร่งสางปมส่วยสัญชาติ

'กมธ.ปกครอง'  ชงข้อมูลให้ 'กรมการปกครอง' เร่งสางปมส่วยสัญชาติ

"กรวีร์" นัดถกปมส่วยสัญชาติ หลังรับเรื่องร้องเรียน 4-5 เคส มีการเรียกรับเงินจริง ส่ง "กรมการปกครอง" เร่งตรวจสอบ-แก้ปัญหาเร่งด่วน

ที่รัฐสภา นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย  ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามความคืบหน้าของการแก้ปัญหาการทุจริต การให้สัญชาติและสถานะบุคคล ว่า  กมธ. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ดังนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย โดยประเด็นที่จะพูดคุยวันนี้คือ 1. จริงหรือไม่ในประเด็นที่มีการร้องเรียนว่าบุคคลบางกลุ่มใช้ช่องทางนโยบายของรัฐบาลไปหาประโยชน์โดยการไปเรียกรับเงินหรือหาผลประโยชน์ใดๆ จากพี่น้องประชาชนที่ควรจะได้รับสิทธิ์สัญชาติไทย และ 2.วิธีการและขั้นตอนในการอำนวยความสะดวกเนื่องจากมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาช่วงปลายปี 67 และโครงการดังกล่าวมีระยะเวลา 1 ปี จะไปสิ้นสุดโครงการช่วงปลายเดือน มิ.ย. 69 เท่ากับยังมีเวลาเหลือมากพอสมควรที่มอบสัญชาติให้ แล้วติดขัดปัญหาตรงไหนแต่จากที่ติดตามข่าวพบว่าต้องมีการจัดคิว จึงคาดว่าจะมีปัญหาในเรื่องของกำลังคน ซึ่งนโยบายของรัฐบาลถือเป็นเรื่องใหญ่ของกระทรวง จึงควรมีการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว

นายกรวีร์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เราได้เปิดช่องทางรับเรื่องร้องทุกข์ มีประชาชนให้เบาะแสเข้ามาเป็นเอกสารที่มีการสนทนากับบุคคล ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่แล้วไปเรียกรับเงินกับประชาชน ที่เข้ามาติดต่อขอสัญชาติ โดยมีหลักฐานเรื่องของการโอนเงิน ซึ่งคนที่แจ้งเบาะแสเข้ามาบอกว่าเรียกรับเงินเป็นจำนวน 3 หมื่นบาท เป็นค่าดำเนินการ แต่ต้องโอนค่ามัดจำไปก่อน 1 หมื่นบาท แต่คนที่แจ้งเบาะแสมานั้น บอกว่าเขามีแค่ 8,000บาท กำลังจะไปหาอีก 2,000 บาท ทั้งนี้ เราต้องไปดูว่ามีความเชื่อมโยงถึงผู้มีอำนาจ ทั้ง ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ปลัดอำเภอ

"เชื่อว่าบุคคลเหล่านั้นมีหลักฐานเพราะเขาอยู่ในพื้นที่อาจกังวลเรื่องความปลอดภัยสถานะของตัวเขาทำให้เขาอาจจะไม่กล้าออกมาเป็นพยานให้ ดังนั้นอธิบดีและรองอธิบดีกรมการปกครอง นายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดต้องจริงจังกับการแก้ปัญหา สำหรับเอกสารที่ได้รับมาทั้งหมดจะส่งต่อไปให้กรมการปกครอง เพื่อให้กรมการปกครองได้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ใครที่ทำผิดต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด และต้องถูกปราบปราม เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจของรัฐในทางที่ไม่ชอบ เพื่อไปหากินบนความเดือดร้อนของประชาชน" นายกรวีร์ กล่าว

เมื่อถามว่า สามารถระบุได้หรือไม่ว่าที่ได้รับแจ้งมามีทั้งหมดกี่เคส นายกรวีร์ กล่าวว่า อย่างน้อย 4-5 เคส และทราบมาว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมการปกครอง ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปลงพื้นที่หน้างานเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐาน โดยการประชุมกมธ. ต้องพูดคุยว่าเกิดในพื้นที่ใดบ้าง นายอำเภอและผู้ใหญ่บ้านมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ปลัดอำเภอที่ดูแลเรื่องทะเบียนว่ารู้เห็นเป็นใจหรือไม่ หากพบว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทางกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลชุดใหม่ ที่นายกฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยนั้น ตนอยากเห็นความจริงจังและความเข้มงวด เอาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด 

เมื่อถามว่า ระดับเจ้าหน้าที่ยศใหญ่กว่าปลัดอำเภอขึ้นไปหรือไม่ นายกรวีร์ กล่าวว่า ยังอยู่ที่ระดับอำเภอ เพราะเรื่องนี้สามารถทำเสร็จที่อำเภอได้ เป็นอำนาจของนายอำเภอ ทั้งนี้ กรมการปกครอง ต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสืบหาข้อเท็จจริงให้ได้ ว่าเรื่องนี้จบที่แค่อำเภอหรือสูงกว่าระดับอำเภอ