ถอดรหัสรัฐธรรมนูญ ‘สสร.2569’ โมเดล 3 พรรค หวัง คุมเกมยกร่าง

ถอดรหัสรัฐธรรมนูญ ‘สสร.2569’ โมเดล 3 พรรค หวัง คุมเกมยกร่าง

โมเดล "สภาร่างรัฐธรรมนูญ" ที่ 3 พรรคเสนอ หากดูดีๆ จะคัดวิธีที่อิงฐานการเมือง ฝั่งที่ตนเองได้เปรียบ สิ่งที่คาดหวังคือ กลไกที่ได้เปรียบ เพื่อคุมเกมยกร่างกติกาประเทศ

KEY

POINTS

  • พรรคการเมือง 3 พรรคหลัก ได้แก่ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ตกลงยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มี สสร. มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
  • โมเดลของ สสร. ที่ 3 พรรคเสนอ ล้วนแตกต่างกันในแง่ของ วิธีการได้มา โดยของพรรคประชาชนกำหนดให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งหมด ขณะที่ "พรรคภูมิใจไทย" กับ "พรรคเพื่อไทย" ใช้รูปแบบผสมที่ให้อำนาจ "รัฐสภา" คัดเลือก 
  • นอกจากนั้นยังมีการออกแบบให้มี "คณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ" ที่ถูกกำหนดสัดส่วน และวิธีการได้มา ตามโครงสร้างที่อยู่บนสมมติฐานจากฐานการเมือง
  • เมื่อถอดรหัสดูแล้ว จะพบว่า โมเดล สสร.- ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่แต่ละพรรคออกแบบ มีเป้าหมายเพื่อให้ฝ่ายตนเองได้เปรียบ และสามารถควบคุมทิศทางของกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้

การเปิดประตูการเมือง เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นธงสำคัญของพรรคประชาชน เพื่อหวังปฏิรูปการเมือง โดยยื่นเงื่อนไขในการสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาล โหวตให้ อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ประเด็นนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ติดว่า จะมีการหักหลังกันหรือไม่ เมื่อพรรคส้มต้องเจออุปสรรค คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ที่ “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง” จึงกลายเป็นเงื่อนไขใหม่

อย่างไรก็ตาม วาระแก้รัฐธรรมนูญ ในโค้งสุดท้ายของสภาผู้แทนชุดปัจจุบัน ถูกนำร่องไปแล้ว โดย “พรรคประชาชน” ที่ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ว่าด้วยการกำหนดกลไก สสร.ให้ทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อ 22 ก.ย.2568

ถอดรหัสรัฐธรรมนูญ ‘สสร.2569’ โมเดล 3 พรรค หวัง คุมเกมยกร่าง

 และในวันนี้ 24 ก.ย.2568​ พรรคภูมิใจไทย เตรียมยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อประธานรัฐสภา เช่นกัน หลังจากที่รวบรวมเสียง “สส.” ให้ลงชื่อสนับสนุนญัตติ ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องใช้เสียง 1 ใน 5 ของจำนวน สส.ที่มีอยู่ของสภา ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” เตรียมยื่นญัตติ 25 ก.ย.2568

สิ่งที่ถูกไฮไลต์ของร่างแก้ไขครั้งนี้ คือ การออกแบบ สสร.ให้เข้ามามีบทบาทต่อกระบวนการ “จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ซึ่งทั้ง 3 พรรคการเมือง ออกแบบเนื้อหาซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน

สำหรับ “พรรคประชาชน” กำหนดสาระหลัก คือ “สสร.” ที่ทำหน้าที่เป็น “สภาที่ปรึกษา” มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน 77 จังหวัด จำนวน 100 คน ซึ่งสัดส่วนของจำนวนที่แต่ละจังหวัดพึงมีจะคำนวณตามฐานประชากร

ขณะที่ “พรรคภูมิใจไทย” ออกแบบให้มี สสร. 99 คน ซึ่งมีที่มาจาก 2 ส่วน คือ เป็นตัวแทนจาก 77 จังหวัด ที่ “รัฐสภา” เป็นผู้ลงมติเลือกผู้สมัครจากจังหวัดต่างๆ ตามสัดส่วนที่คำนวณจากฐานประชากร และอีกส่วนมาจากสายนักวิชาการ 22 คน ที่แบ่งที่มาเป็น 3 กลุ่มย่อย คือ สายนิติศาสตร์ 7 คน สายรัฐศาสตร์ 7 คน และสายผู้เชี่ยวชาญ 8 คน

ส่วน “พรรคเพื่อไทย” ออกแบบ “สสร.” ให้มี 151 คน โดย 100 คนแรก กำหนดให้มีที่มาจากการเลือกตั้ง ที่แบ่งเป็น 2 ขยัก กล่าวคือ ขยักแรก มาจากการเลือกตั้งของ ประชาชน 77 จังหวัด ให้เป็นจำนวน 2 เท่าของ สสร. ที่แต่ละจังหวัดพึงมี เพื่อให้ได้ยอดรวม 300 คน 

ถอดรหัสรัฐธรรมนูญ ‘สสร.2569’ โมเดล 3 พรรค หวัง คุมเกมยกร่าง

ส่วนขยักที่สอง คือ ให้นำรายชื่อที่ผ่านการเลือกทั้ง 300 คน ส่งให้ “รัฐสภา” โหวตเลือกให้เหลือ 100 คน โดยกำหนดเงื่อนไขต้องมี

ตัวแทนประชาชนเข้ามาเป็น สสร. ทุกจังหวัดๆ ขั้นต่ำ 1 คน ส่วนอีก 51 คนนั้นมาจากการเสนอชื่อ โดย สภาผู้แทนราษฎร และคณะรัฐมนตรี

นอกจากโมเดล สสร. ที่แต่ละพรรคเสนอมา ยังมีอีกโมเดลที่กำหนดพ่วงไว้ด้วยกันคือ “คณะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ซึ่งเรียกว่า “กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ” 

โดย “พรรคประชาชน” เสนอให้ใช้สูตร “เลือกตั้งทางอ้อม” 2 ขยัก คือ ขยักแรกมาจากการเลือกตั้งของประชาชน รูปแบบคล้ายกับ “ระบบบัญชีรายชื่อ” ซึ่งผู้ประสงค์จะสมัคร ต้องรวบรวมรายชื่อไว้ในบัญชี ไม่เกิน 70 คน จากนั้นให้ประชาชนเป็นผู้ลงคะแนน

ถอดรหัสรัฐธรรมนูญ ‘สสร.2569’ โมเดล 3 พรรค หวัง คุมเกมยกร่าง

การตัดสินว่าใครจะได้ผ่านรอบต่อไป จะใช้ คะแนนโหวตของประชาชน มาคำนวณตามสัดส่วน ของแต่ละบัญชี ที่จะได้บุคคลผ่านเข้ารอบต่อไป ทั้งนี้ต้องมียอดรวมไม่เกิน 70 คน เพื่อให้รัฐสภา ลงมติเลือกให้เหลือ 35 คน ซึ่งกลไกการโหวตของ “รัฐสภา” ถูกกำหนดให้ใช้สัดส่วนของจำนวนของ สส.ที่พรรคการเมืองมีในสภาฯ ขณะที่ “สว.” เช่นเดียวกัน กล่าวคือ สมาชิกรัฐสภา 20 คนมีสิทธิรวมตัวเพื่อเสนอชื่อ “คณะยกร่าง” 1 ชื่อ

โดยวิธีการเลือกแบบนี้ “พริษฐ์ วัชรสินธุ” โฆษกพรรคประชาชน เชื่อว่าจะปิดทางไม่ให้ “เสียงข้างมาก” ในรัฐสภาลาก “สสร.” ไปตามขั้วที่ครองเสียงสูงสุด และคงสัดส่วนตามสมเหตุสมผลที่จะได้ตัวแทนของทุกก๊วนในรัฐสภาเข้าไปทำหน้าที่ร่างกติกาสูงสุดของประเทศ

ขณะที่โมเดล “ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ” ของ “ภูมิใจไทย กำหนดให้ “สสร.” เป็นผู้ดำเนินการ

ถอดรหัสรัฐธรรมนูญ ‘สสร.2569’ โมเดล 3 พรรค หวัง คุมเกมยกร่าง

ส่วนของ “พรรคเพื่อไทย” เขียนให้มี 27 คน มาจาก สภา สสร. เลือกตัวแทน 14 คน ส่วนอีก 13 คน มาจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เป็นต้น และเมื่อกรรมาธิการยกร่าง ทำงานแล้วเสร็จ ต้องส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้รัฐสภาเห็นชอบก่อนทำประชามติ

โมเดลของ “สสร.” รวมไปถึง “คณะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ที่แต่ละพรรคเสนอนั้น พบว่าถูกออกแบบมาให้ เอื้อต่อการได้ตัวแทนของฝ่ายตัวเองเข้ามาทำหน้าที่ - คุมเกมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยอิงจากฐานการเมืองในพื้นที่ของตัวเอง ไม่ต่างจากฐานเสียงเลือกตั้ง ซึ่ง “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” มีความได้เปรียบฐานะมีนักการเมืองบ้านใหญ่ ขณะที่ “พรรคประชาชน” ได้เปรียบเรื่องคะแนนนิยมระดับประเทศ ที่เลือกผ่านบัญชีรายชื่อ

สำหรับไทม์ไลน์ขั้นต้นนี้ เมื่อ “ญัตติ” ของพรรคการเมือง ถูกส่งถึงมือ “ประธานรัฐสภา-วันมูหะมัดนอร์ มะทา” แล้ว จะใช้เวลาพิจารณาตรวจสอบความถูกต้อง-สมบูรณ์ในขั้นตอนเสนอร่างโดยเร็ว และต้องบรรจุเข้าสู่วาระของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ภายใน 15 วัน

ดังนั้นหากตั้งต้นจากวันที่ 22 ก.ย.68 เท่ากับว่า 6 ต.ค.2568 คือวันที่ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ต้องถูกบรรจุในวาระ ส่วนจะนัดพิจารณากันในวันใดนั้นขึ้นอยู่กับ “คณะกรรมการประสานงาน” (วิป) ของ สส. และสว. หารือร่วมกัน 

ในชั้นนี้ คาดการณ์ไว้ว่า การพิจารณา และผ่านวาระแรก ต้องไม่เกินเวลาที่ สมัยประชุมสภาฯ จะสิ้นสุดใน วันที่ 30 ต.ค.68 นี้ จากนั้นจะใช้ห้วงเวลาปิดสมัยประชุม ราว 1 เดือน พิจารณาสาระในชั้นของกรรมาธิการ ก่อนจะส่งให้ “รัฐสภา” พิจารณาวาระสอง ในทันทีที่เปิดสมัยประชุมกลางเดือนธ.ค. 

ถอดรหัสรัฐธรรมนูญ ‘สสร.2569’ โมเดล 3 พรรค หวัง คุมเกมยกร่าง

เมื่อผ่านวาระสองแล้ว ต้องพักไว้ 15 วันก่อนลงมติวาระสาม ว่าจะเห็นชอบทั้งฉบับหรือไม่ ในช่วงก่อนข้ามปี 2568 หรือก่อนการยุบสภาฯ เมื่อครบกำหนด 4 เดือนตามข้อตกลงทางการเมือง

หากในชั้นนี้ไม่มีอะไรสะดุด ไทม์ไลน์ที่ฝ่ายการเมืองตกลงร่วมกันเบื้องต้นนั้น จะดำเนินไปสู่การออกเสียงประชามติในครั้งแรก ควบกับครั้งที่สอง ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุให้ทำได้ พร้อมกับการเลือกตั้ง สส.ทั่วไป ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์