ปธ.ศาลฎีกา แนะใช้ AI ทำงาน ต้องตระหนักข้อมูลไม่ครบ-ไม่เผยความลับ

ปธ.ศาลฎีกา แนะใช้ AI ทำงาน ต้องตระหนักข้อมูลไม่ครบ-ไม่เผยความลับ

ประธานศาลฎีกา ให้คำแนะนใช้ AI ทำงาน ไม่เปิดเผยความลับราชการ ตระหนักถึงข้อจำกัดข้อมูลไม่ครบถ้วน ผู้พิพากษาต้องยึดอิสระ ใช้ดุลพินิจชี้ขาดปราศจากการชี้นำของเทคโนโลยี

KEY

POINTS

  • ประธานศาลฎีกาออกคำแนะนำให้ใช้ AI ด้วยความรับผิดชอบ โดยต้องตระหนักถึงข้อจำกัด เช่น ข้อมูลอาจไม่ครบถ้วนหรือมีอคติ
  • การใช้ AI ต้องไม่เป็นการเปิดเผยความลับของทางราชการหรือข้อมูลส่วนบุคคลในคดีแก่ผู้ไม่มีอำนาจหน้าที่
  • ผู้พิพากษาต้องยึดมั่นในความเป็นอิสระในการตัดสินคดี โดย AI เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนงานธุรการและวิชาการ ไม่สามารถใช้วิเคราะห์เพื่อชี้ขาดคดีได้
  • ผู้ใช้งานต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จาก AI เสมอ และต้องเปิดเผยถึงการใช้ข้อมูลดังกล่าวในทางคดี

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2568 นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา ลงนามในเอกสารคำแนะนำของประธานศาลฎีกา เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการปฏิบัติงานคดี โดยระบุว่า ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างแพร่หลายในหลายกิจการงานอันเป็นผลมาจากความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดิจิทัล ในขณะที่การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลเป็นการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ผู้พิพากษามีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายโดยปราศจากอคติทั้งปวง การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อันเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการปฏิบัติงานของผู้พิพากษาตาตามกาลสมัย จึงต้องธำรงไว้ซึ่งหลักการสำคัญในการพิจารณาพิพากษาคดีด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 ประธานศาลฎีกาจึงออกคำแนะนำไว้ ดังต่อไปนี้

ปธ.ศาลฎีกา แนะใช้ AI ทำงาน ต้องตระหนักข้อมูลไม่ครบ-ไม่เผยความลับ

ข้อ 1 การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการปฏิบัติงาน ต้องใช้ด้วยความรับผิดชอบสูงสุดต่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรม และพึงคำนึงถึงความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีนั้น โดยตระหนักถึงข้อจำกัดที่อาจเกิดจากความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่นำมาใช้ประมวลผล อคติทางอัลกอริทึม รวมถึงขีดความสามารถในการเรียนรู้หรือประมวลผล

ข้อ 2 การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ต้องไม่เป็นการเปิดเผยความลับของทางราชการแก่ผู้ซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะล่วงรู้ข้อมูลที่เป็นความลับนั้น และต้องไม่มีลักษณะเป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลในคดีไปใช้กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

ปธ.ศาลฎีกา แนะใช้ AI ทำงาน ต้องตระหนักข้อมูลไม่ครบ-ไม่เผยความลับ

ข้อ 3 ผู้พิพากษาต้องยึดมั่นในความเป็นอิสระของตนเองในการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชี้ขาดคดี โดยปราศจากการชี้นำหรือแทรกแซงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพิจารณาคดีพึงเป็นไปเพื่อสนับสนุนให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ความน่าจะเป็นของข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นพิพาทในคดีเพื่อนำมาใช้วินิจฉัยชี้ขาดคดีนั้นจะกระทำมิได้ได้

ข้อ 4 การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ช่วยเหลือศาลในงานทางด้านธุรการหรือวิชาการ เช่น การสืบค้นข้อมูล การคำนวณทางคณิตศาสตร์ การจัดหมวดหมู่ข้อมูล การวางแผนบริหารจัดการคดี การสรุปข้อมูลหรือจัดเตรียมข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการพิจารณาหรือพิพากษาคดี และการจัดทำร่างเอกสารผู้ใช้งานพึงตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอันเป็นผลลัพธ์ของการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นเสมอ ผู้ใช้ข้อมูลจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในทางคดีพึงเปิดเผยถึงการใช้ข้อมูลดังกล่าวด้วย

ข้อ 5 ให้สำนักงานศาลยุติธรรรมคัดสรรเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เหมาะสมและเชื่อถือได้ไว้ใช้ในราชการศาลยุติธรรมเพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนด้วยความเท่าเทียมโดยคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความลับของทางราชการตามกฎหมาย