แกะรอย 10 รมต. ‘สายล่อฟ้า’ แผลเก่าจุดเสี่ยง ‘ครม.อนุทิน’

จับตาหลัง “อนุทิน” นำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการแถลงนโยายรัฐบาลต่อรัฐสภา จากนั้นเริ่มนับหนึ่งการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบ
เปิดโฉมหน้ากันครบถ้วน 36 คนแล้ว สำหรับ “ครม.อนุทิน 1” ที่กระแสสังคม มีทั้งเสียงตอบรับ และเสียงยี้
แม้แต่ “พรรคประชาชน” ที่เป็นตัวตั้งตัวตีผลักดัน “ภูมิใจไทย” เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ที่ผ่านมามี สส.ปชน.หลายคนพยายามท้วงติง ให้มีการปรับเปลี่ยน “โผ ครม.” แต่กลับไม่เป็นผล จนถูก “เพื่อไทย” เย้ยว่าข้อตกลง MOA ไม่น่าจะถูกนำไปปฏิบัติได้จริง
มีสส.ปชน.อย่างน้อย 2-3 คนที่แสดงออกผ่านสาธารณะว่า “ไม่ถูกใจ” โฉมหน้า “ครม.อนุทิน” ครั้งนี้ เช่น สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ที่โพสต์ตั้งแต่ไก่โห่ ขู่ว่าถ้าหากตั้ง “รัฐมนตรี” ที่อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีค้ามนุษย์คนงานเก็บเบอร์รี่ที่ฟินแลนด์ จะเตรียมตรวจสอบเต็มที่
แน่นอนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร เพราะเจ้าตัวเคยบอกใบ้ไว้แล้วตอนศึกซักฟอก “นายกฯแพทองธาร” ต้นปี 2568 ที่ผ่านมา
อีกคน “ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ” สส.ระยอง รวบรวมเอกสารหลักฐาน อ้างว่า มีรัฐมนตรีคนหนึ่งใน ครม.ชุดนี้ เคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดไปแล้วเมื่อปี 2565 มีการลงเลขรับเรียบร้อย พร้อมรายงานไต่สวน เอกสารประกอบ โดยบุคคลนี้มีพฤติการณ์ทุจริตเบิกจ่ายงบประมาณโครงการและมีการจ่ายเงินทั้งที่ยังไม่แล้วเสร็จ มีความประพฤติทำให้เสื่อมเสียแก่ศักดิ์ศรีและตำแหน่ง รวมถึงมีผลกระทบต่อประชาชน
โดยการข่าวเชิงลึก ระบุว่า บุคคลดังกล่าว คือ “คนใกล้ชิด” กับ “ผู้มากบารมีภาคตะวันออก”
นอกจากนี้ บรรดาแกนนำ ปชน.อีกหลายคน เช่น รังสิมันต์ โรม หรือวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ยังเตรียม “ลับมีด” รอ เพราะบรรดารัฐมนตรีรอบนี้ ส่วนใหญ่คือ “หน้าเดิม” ที่เคยเป็นรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลากยาวมายังรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และแพทองธารชินวัตร แม้แต่ “รังสิมันต์” ถึงกับเอ่ยปากว่า “มีแต่โจทก์เก่าทั้งนั้น”
- ภท. 6 คน พันฮั้ว สว.-เขากระโดง
ใครเป็นใครกันบ้าง กรุงเทพธุรกิจ ไล่เรียง ดังนี้
ชื่อแรก หนีไม่พ้น “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ซึ่งตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา “คดีฮั้ว สว.” ที่ถูกดำเนินการไต่สวนของ กกต. นอกจากนี้ เขายังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อครั้งเป็น รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลแพทองธาร ในเรื่องการทำคดีเกี่ยวกับ “เขากระโดง”
และล่าสุดเรื่องนี้ก็ “ถูกเบรก” อีกครั้ง โดยกรมที่ดินอ้างว่า ต้องรอคำพิพากษาของศาลปกครอง ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือรฟท.ยื่นฟ้องใหม่ จนกว่าจะถึงที่สุดก่อน
ถัดมา “ไชยชนก ชิดชอบ” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทายาท “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่ภูมิใจไทย และ “ภราดร ปริศนานันทกุล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลูกชาย “เสี่ยตือ บ้านใหญ่อ่างทอง” เป็น 2 คนรุ่นใหม่ไฟแรงแห่ง “ก๊กน้ำเงิน”
ทว่าทั้ง 2 คน ตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา “คดีฮั้ว สว.” ซึ่งถูกไต่สวนโดย กกต. แน่นอนว่า อาจตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน และถูกโจมตีในเรื่องนโยบาย รวมถึงอาจถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
โดยกรณีนี้อาจรวมไปถึง “นภินทร ศรีสรรพางค์” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่แม้ตัวเขาไม่มีชื่อโดยตรง แต่ “พี่ชาย” ของเขาตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาด้วย
ส่วน “ซาบีดา ไทยเศรษฐ์“ รมว. วัฒนธรรม บุตรสาว “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ก็อาจถูกหางเลขไปด้วย เพราะ “เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์” ลูกพี่น้องลูกน้องของเธอ ถูกกล่าวหาในคดีฮั้ว สว.เช่นเดียวกัน
คิวถัดมา “โสภณ ซารัมย์” รองนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้เคยเป็น รมช.คมนาคม และ รมว.คมนาคม รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างปี 2551-2554 โดยในช่วงที่เขานั่งเป็นเบอร์ 1 คมนาคม เมื่อปี 2553 เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับปัญหาการก่อสร้างรถไฟฟ้าช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ (สายสีม่วง) วงเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเครือญาติของตระกูล “ชาญวีรกูล”
อย่างไรก็ดี เขาได้รับมติไว้วางใจ 234 เสียงต่อ 196 เสียง ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนั้นมาได้ แต่อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือในช่วงที่เขาเป็น รมว.คมนาคม รัฐบาลอภิสิทธิ์ ดำเนินนโยบาย “ไทยเข้มแข็ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยหนึ่งในนั้นคือนโยบาย “ถนนปลอดฝุ่น” ภายใต้แนวคิดของพรรคภูมิใจไทย ที่กำกับดูแลโดยกระทรวงคมนาคม ซึ่งโครงการดังกล่าวแบ่งการปฏิบัติงานออกเป็น 3 ปี ระหว่างปี 2553-2555 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 14.821 ล้านบาท จากการตรวจสอบของสื่อยุคดังกล่าว ถึง ขั้นตอนการดำเนินโครงการ พบผู้รับเหมาในโครงการถนนไร้ฝุ่นพื้นที่ 5 จังหวัด มีบางรายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ “นักการเมือง”
จนนำไปสู่การตรวจสอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. บทสรุปสุดท้าย คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” เมื่อครั้งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม เพียงรายเดียว และยังไม่มีข้อมูลจนถึงปัจจุบันว่าโครงการดังกล่าวมีรายชื่อนักการเมือง หรือเอกชน ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยหรือไม่
แม้ว่า “โสภณ ซารัมย์” จะมิได้ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ แต่ด้วยตัวเขาซึ่งเป็น รมว.คมนาคม ย่อมถูกสังคมจับตา และวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเรื่องปกติวิสัยของนักการเมือง เมื่อพ้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตัวเขาก็เงียบหายทางการเมืองไปร่วม 10 ปี กระทั่งกลับมามีบทบาทอีกครั้งในรัฐบาลชุดนี้ ต้องจับตาดูว่า เขาจะได้รับมอบหมายให้ “ทำงานสำคัญ” อะไรอีกหรือไม่
เหนือไปกว่านั้นต้องจับตา ในส่วน “โสภณ” ซึ่ืงเป็นสายตรงบุรีรัมย์ แถมมีกระแสข่าวว่าจะคุมกระทรวงยุติธรรมย่อมต้องจับตาไปที่ประเด็นฮั้วสว.ซึ่งมีคดีอั้งยี่และฟอกเงินค้าคาอยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ท่ามกลางครหาที่อาจมีการเอื้อประโยชน์ไปที่“ครูใหญ่บุรีรัมย์” รวมถึงพลพรรคสีน้ำเงิน หรือไม่อย่างไร
- กล้าธรรม “ผู้กองมนัส” เป้าหลัก
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูก “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” พุ่งเป้าโจมตีอย่างหนัก แม้ว่าตัวเขาเองจะฝ่าด่านตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอย่างเข้มข้นจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก่อนจะเข้าวินได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีอีกคำรบก็ตาม
แต่ประเด็น “มันคือแป้ง” ที่แม้ศาลรัฐธรรมนูญไทยจะมีมติชี้ว่า คำพิพากษาของศาลประเทศอื่น ไม่มีผลผูกพันในอธิปไตยของไทยก็ตาม ไหนจะประเด็นโยงทุนจีนเทาที่เคยถูกอภิปรายในสภาฯ หนีไม่พ้นถูกสาธารณชน และฝ่ายค้านขุดคุ้ยคดีเก่า ตามมาหลอกหลอนอีกหลายยกแน่นอน
- “สุชาติ” สายล่อฟ้า พ่วงมือขวา “ยศสิงห์”
“สุชาติ ชมกลิ่น” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกหนึ่ง “สายล่อฟ้า” ที่ “ฝ่ายค้าน” จองกฐินเตรียมอภิปรายยกใหญ่แน่นอน โดยเฉพาะ “ก๊กส้ม” ที่เตรียมขุดเงื่อนปมกองทุนประกันสังคม ควักงบเฉียด 7 พันล้านบาทซื้อตึก Skyy9 ในช่วงที่เขาเคยนั่งเก้าอี้ รมว.แรงงาน แม้ว่าเขาจะเคยชี้แจงในการซักฟอกเมื่อต้นปี 2568 และให้สัมภาษณ์ยืนยันหลายครั้งว่า ตัวเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่รู้เห็นกับเรื่องนี้ก็ตาม
อีกคนหนึ่งคือ จ่าเอก “ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ” รมช.อุตสาหกรรม คนสนิทข้างกาย “สุชาติ ชมกลิ่น” ก่อนหน้านี้ เขาเคยโลดโผนอยู่กับ “คณะก้าวหน้า” ถูกส่งลงชิงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่พ่ายแพ้ หลังจากนั้นเขา “ข้ามขั้ว” มาอยู่กับ “ก๊วนมังกรน้ำเค็ม” จนถูกผลักดันได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีป้ายแดง
อย่างไรก็ดี บุคคลนี้กำลังตกเป็นเป้าจับตาจาก “ฝ่ายค้าน” เพราะอาจเคยถูกองค์กรอิสระบางแห่งมีมติอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่ ปัจจุบัน “ก๊กส้ม” เตรียมขุดข้อมูลเพื่อมาอภิปรายเขาในเร็ว ๆ นี้
- “ลูกสันติ” ล่อเป้าคดี Skyy9
“พัฒนา พร้อมพัฒน์” บุตรชาย “สันติ พร้อมพัฒน์” แกนนำ “ซุ้มมะขามหวาน” โดยเขาถูกส่งมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแทนบิดา เนื่องจากว่ากันว่า คุณสมบัติไม่ผ่าน
อย่างไรก็ดี ตัวของ “พัฒนา” ย่อมตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของ “ก๊กส้ม” ในการซักฟอกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะประเด็นตึก Skyy9 เพราะก่อนหน้านี้ “วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน” เคยซื้อตึกแห่งนี้มารีโนเวท ก่อนขายต่อ แม้ช่วงกระแสข่าวดังกล่าวคึกโครม เขาจะเคยตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงไปแล้วก็ตาม
ต้องจับตาหลัง “อนุทิน” นำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการแถลงนโยายรัฐบาลต่อรัฐสภา จากนั้นจะเริ่มนับหนึ่งการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบ
ไม่ต่างจากสารพัดปมร้อนของ“10รัฐมนตรีสายล่อฟ้า” เชื่อได้เลยว่าจะถูกเปิดฉากจากฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้นทันทีที่เริ่มนับหนึ่งอย่างแน่นอน







