วัดคมกระสุน เลือกซ่อม ‘ศรีสะเกษ’ เดิมพัน ‘น้ำเงิน-แดง’ แพ้ไม่ได้

วัดคมกระสุน เลือกซ่อม ‘ศรีสะเกษ’ เดิมพัน ‘น้ำเงิน-แดง’ แพ้ไม่ได้

จับตาสถานการณ์ศึกเลือกตั้งซ่อม ศรีสะเกษ เขต5 เจ้าของพื้นที่เป็นของพรรคเพื่อไทย ต้องสู้กับผู้สมัคร บ้านใหญ่ “ไตรสรณกุล” ศึกครั้งนี้ถูกมองเป็นการวัดคมกระสุน

KEY

POINTS

  • กกต. กำหนดวันเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ในวันที่ 28 ก.ย. 2568 หลังเบรกไว้ชั่วคราวจากความไม่สงบชายแดน ศึกครั้งนี้เดิมพันสูงระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เพราะมีผลต่อเสียงในสภา
  • 2 ผู้สมัคร สส.เป็นทายาทบ้านใหญ่ "เพื่อไทย" ส่ง "ภูริกา สมหมาย" ลูกสาวอดีต สส.อมรเทพ ที่เสียชีวิต ขณะที่ "ภูมิใจไทย" ส่ง "จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล" ลูกสาว "ธีระ" อดีต สส.ศรีสะเกษ
  • ผลการเลือกตั้งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเสียงข้างน้อยของพรรคภูมิใจไทย เป็นการวัดกระแสความนิยมของทั้งสองพรรคก่อนการเลือกตั้งใหญ่
  • การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้วัดเพียงกระแส แต่ยัง "วัดคมกระสุน"ในช่วงสุดท้าย เป็นปัจจัยสำคัญในการชี้ขาดผลแพ้ชนะของค่ายแดงและค่ายน้ำเงิน 2 ค่ายต่างช่วงชิงและลุยเจาะพื้นที่

ด้วย สถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา เกิดการปะทะต่อเนื่องในช่วงปลายรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ทำให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเบรกการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ไว้ก่อนชั่วคราว

กระทั่งเปลี่ยนรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นพรรคภูมิใจไทย สถานการณ์ชายแดนเริ่มดูสงบขึ้นกว่าเดิม ไร้เหตุปะทะหนักหน่วง ฝั่งท่าทีผู้นำกัมพูชาก็ดูไม่ออกแอกชั่นยั่วยุฝั่งไทยเหมือนเช่นเคย

เมื่อได้จังหวะ กกต. จึงเคาะ วันเลือกตั้งซ่อม เพื่อหย่อนบัตรลงคะแนนใหม่ ใน วันอาทิตย์ที่ 28 ก.ย. 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ซึ่งเป็นพื้นที่ประกอบด้วย อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์

ศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จะเป็นการวัดพลังกระแสในทางหนึ่ง และยังวัดพลังคมกระสุน ซึ่งเป็นทีเด็ดทีขาดในช่วงสุดท้าย ว่า ค่ายแดง หรือค่ายน้ำเงิน ใครจะคมมากกว่ากันก่อนหย่อนบัตรลงคะแนน

ค่ายแดง เพื่อไทย ส่งตัวตายตัวแทน ภูริกา สมหมาย หรือ กุ้ง หมายเลข 1 บุตรสาวของ “อมรเทพ สมหมาย” ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2568

ค่ายน้ำเงิน ภูมิใจไทย ส่ง “จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล” “อีฟ” หมายเลข 2บุตรสาวของ “ธีระ ไตรสรณกุล” อดีต สส.ศรีสะะเกษ ลงสมัคร

เป็นการวัดพลังของสองบ้านใหญ่ ตระกูลสมหมาย ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมอมรเทพ และห้างทองอมรเทพ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ฝ่าด่านมาได้ด้วยกระแส “เพื่อไทย” ยุทธการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2566 ทว่าจุดอ่อนของ “ผู้สมัครค่ายแดง” รอบนี้ต้องเผชิญกับการตอบคำถามสถานการณ์ชายแดน ในปมร้อน “ชาตินิยม” และกระแสนิยมของพรรคที่ร่วงลงหลังเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็นภูมิใจไทย อีกทั้งพรรคเพื่อไทยต้องพลิกทำหน้าที่ฝ่ายค้าน โดยไม่ทำงานร่วมกับพรรคประชาชน ทำให้ค่ายแดงต้องใส่เกียร์อย่างหนักเพื่อรักษากระแสของพรรคในระหว่างฟื้นฟูพรรค

ขณะที่ ตระกูลไตรสรณกุล เป็นบ้านใหญ่ จ.ศรีสะเกษ จุดแข็งได้เปรียบในขุมกำลัง เพราะมีกลไก อบจ.ศรีสะเกษ ผ่าน วิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ หลายสมัย รวมทั้งยังได้เปรียบตรงที่พรรคภูมิใจไทย พลิกกลับมาถือครองอำนาจรัฐ มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนจุดอ่อนก็ถูกมองว่าเป็นพรรคที่ไร้กระแส เน้นเจาะบ้านใหญ่ และดูด สส.สีแดงเข้าค่าย

ศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองมากกว่าทุกสนามเลือกตั้งซ่อม

เพราะจะเป็นวัดฝีมือของสองค่าย เพื่อหยั่งกระแสความนิยมก่อนจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2569 ท่ามกลางคะแนนนิยมค่ายแดงร่วงดิ่ง ส่วนค่ายน้ำเงินกลับพุ่งขึ้นจากคะแนนนิยมของตัว “นายกฯ หนู”

วัดคมกระสุน เลือกซ่อม ‘ศรีสะเกษ’ เดิมพัน ‘น้ำเงิน-แดง’ แพ้ไม่ได้

วัดคมกระสุน เลือกซ่อม ‘ศรีสะเกษ’ เดิมพัน ‘น้ำเงิน-แดง’ แพ้ไม่ได้

ย้อนไปเมื่อครั้งศึกเลือกตั้งทั่วไป 14 พ.ค. 2566 “อมรเทพ” ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนน 32,884 คะแนน เอาชนะ พรรคภูมิใจไทยที่ส่ง “ธีระ ไตรสรณกุล” ได้ 25,837 คะแนน ต้องยอมรับว่า “เพื่อไทย” เอาชนะกวาด สส.เกือบยกจังหวัดศรีสะเกษ เพราะด้วยกระแสคนศรีสะเกษไม่เอางูเห่า

ล่าสุดช่วงเปลี่ยนรัฐบาล 2 สส.ศรีสะเกษ คือ นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ และ นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ประกาศตัวโหวตสนับสนุน “อนุทิน” เป็นนายกฯ ซึ่งแน่นอนว่า 2 สส.เตรียมลง สส.รอบหน้าในค่ายสีน้ำเงิน

เดิมที “เพื่อไทย” จะจัดเตรียมจัดทัพปราศรัยด้วยการนำ “นายใหญ่” ลงพื้นที่ เพื่อเปิดศึกกับพรรคสีน้ำเงิน แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปและไม่เป็นใจ “นายใหญ่” ต้องถูกบังคับโทษจำคุก 1 ปี อีกทั้งกระแสไม่เข้าทาง “เพื่อไทย” จากเหตุการเปิดศึกของ 2 ผู้นำไทย-กัมพูชา ในยุคนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร

จึงทำให้กระแสของ “เพื่อไทย” ถูกมองว่าแต้มน่าจะหดหายไปไม่น้อย และคนในพรรคเพื่อไทยยังมองว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้น่าจะสูสี อาจเป็นไปได้ทั้ง “กุ้ง” หรือ “อีฟ” ชนะ เพราะบริบทแตกต่างจากศึกเลือกตั้งซ่อม จ.เชียงราย ที่พรรคเพื่อไทยเพิ่งชนะ

ล่าสุด “กุ้ง ภูริกา” ปลุกคน อ.ภูสิงห์ อ.ขุนหาญ ด้วยแคมเปญ เลือกเพื่อไทยเข้าไปผลักดันเดินยุบสภา รัฐบาลที่มาจากเสียงข้างน้อย จากการเมืองที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉะนั้น ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนตัดสินและต่อยอดให้เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในครั้งหน้าเพื่อสานต่อนโยบายอีกครั้ง

โดย “กุ้ง” จะใช้แทคติกในการเรียกคะแนนสงสารและรับไม้ต่อจากพ่อเป็นหลักด้วยการขอโอกาสให้ไปทำหน้าที่ สส.เป็นฝ่ายค้านแทนบิดาที่เพิ่งสูญเสียไป ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยจะเน้นลงพื้นที่ด้วยการเจาะชุมชน หมู่บ้านผ่านการปราศรัยย่อยแทน

วัดคมกระสุน เลือกซ่อม ‘ศรีสะเกษ’ เดิมพัน ‘น้ำเงิน-แดง’ แพ้ไม่ได้

ส่วน "อีฟ จินณ์ตวรรณ" โหมแคมเปญสีน้ำเงิน "ทันยุค ทันใจ เข้าใจชาวบ้าน" พร้อมยืนยันสถานการณ์ชายแดนว่ายังไม่มีเปิดด่านชายแดน โดยการเจรจาของรัฐบาลก่อนไม่ใช่การตัดสินใจของรัฐบาลปัจจุบัน และน่าจะตอกย้ำว่าการบริหารผิดพลาดของเพื่อไทย ทำให้เกิดเหตุปะทะกันตามชายแดนจนส่งผลถึงขั้นทำให้รัฐบาลเพื่อไทยต้องพ้นตำแหน่ง

สะท้อนได้จากคำประกาศของ “อีฟ” ระบุว่า “พรรคภูมิใจไทยและอีฟ ยืนยันชัดเจน เราปกป้องอธิปไตยของชาติ การเปิดด่านจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมั่นใจว่า ไม่กระทบความมั่นคง และพี่น้องชายแดนปลอดภัย”

ขณะเดียวกัน "อนุทิน" พร้อม "ไชยชนก ชิดชอบ" เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยและแกนนำพรรคคนรุ่นใหม่ จัดอาวุธหนักภายใต้ชื่อ "รวมพลรุ่นพี่พรรคภูมิใจไทย" ลงพื้นที่วันที่ 21 ก.ย. 2568 เทศบาลตำบลโพธิ์กระสังข์ และที่ว่าการอำเภอภูสิงห์ เพื่อปลุกกระแสให้ "อีฟ" ก่อนหย่อนบัตรโค้งสุดท้าย

วัดคมกระสุน เลือกซ่อม ‘ศรีสะเกษ’ เดิมพัน ‘น้ำเงิน-แดง’ แพ้ไม่ได้

การชนะศึกเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษครั้งนี้จึงต้องวัดพลังคมสุดท้ายกันด้วย “กระสุน” เป็นเดิมพัน อยู่ที่ค่ายไหนจะออกอาวุธได้มากกว่ากัน ส่วนเรื่องกระแสเป็นเพียงอาวุธรองเท่านั้น

แน่นอนว่า “นายกฯ หนู” ไม่อยากยอมพ่ายแพ้ศึกครั้งนี้ เพราะการเอาชนะได้ภายใต้อำนาจรัฐได้เปรียบอยู่แล้วจะช่วยรักษาเรตติ้งไปถึงการเลือกตั้งใหญ่ อีกทั้งจะยิ่งต่อยอดเพิ่มจำนวน สส.ให้กับรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีอยู่ 146 เสียงให้เพิ่มขึ้น และยังไม่นับรวมเสียงพันธมิตรที่ซุกซ่อนอยู่แต่ละพรรคการเมือง ซึ่งคราวโหวตนายกฯ มีมากถึง 160 กว่าเสียง

ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” ชนะเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย ได้ สส.เพิ่ม 1 ที่นั่ง หากรักษาฐานที่มั่น จ.ศรีสะเกษไว้ได้อีก จะทำให้มี สส.ยอดรวม 132 คน ไม่นับ สส.งูเห่าค่ายแดง 7 เสียง (ไม่รวมเลือกตั้งซ่อม จ.กาญจนบุรี เขต 4) และหักกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

ยอด สส.ของรัฐบาลและฝ่ายค้านก่อนยุบสภาจึงมีสำคัญถึงการอยู่รอดของ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” พรรคสีน้ำเงิน เพราะการเดินเกมขยับหมากในสภาแต่ละหมาก ทั้งการโหวตกฎหมายสำคัญ หรือการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯหนู แต่ละเสียงในสภาล้วนสำคัญ แม้เพียง 1 เสียงก็มีผลต่อการอยู่หรือไปของรัฐบาลภายใต้โรดแมป 4 เดือน