'เท้ง' ลั่น 4 เดือนจากนี้ โอกาสสำคัญร่าง รธน. ออกจากมรดกรัฐประหาร

'หัวหน้า ปชน.' ลั่น 4 เดือนต่อจากนี้ โอกาสสำคัญที่สุดร่าง รธน.ใหม่ ออกจากมรดกคณะรัฐประหาร รับโหวต 'อนุทิน' นายกฯ ไม่ใช่ทางเลือกดีสุด ทำ MOA ปาท่องโก๋ เพื่อยุบสภาฯโดยเร็ว
KEY
POINTS
- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ชี้ว่า 4 เดือนข้างหน้าเป็นโอกาสสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากมรดกของคณะรัฐประหาร
- ระบุว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นต้นตอของปัญหาการเมือง ทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชน และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาของประเทศ
- พรรคประชาชนใช้ข้อตกลง (MOA) เพื่อผลักดันให้เกิดการยุบสภาโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยตั้งเป้าให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่ยึดโยงกับประชาชน
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยว่า 4 เดือนต่อจากนี้คือโอกาสที่สำคัญที่สุด เปิดประตูสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หาทางออกจากมรดกคณะรัฐประหาร โดยวันนี้มีโอกาสไปร่วมวงเสวนาหัวข้อ “รัฐบาลใหม่กับทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) ของสถาบันอิศรา ได้แลกเปลี่ยนความเห็นและบอกเล่าความตั้งใจของผมและพรรคประชาชน ในการตัดสินใจใช้อำนาจที่เรามีในฐานะพรรคการเมืองที่มีเสียงมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ประเด็นสำคัญที่เน้นย้ำ คือสังคมไทยวันนี้ไปไกลกว่านี้ไม่ได้ ถ้าเราไม่แก้ปัญหาการเมือง วันนี้ทุกคนคงเห็นตรงกันว่า หนึ่งในต้นตอสำคัญของปัญหาการเมืองมาจากรัฐธรรมนูญ 2560 อันเป็นมรดกของคณะรัฐประหาร ดังนั้น การตัดสินใจของพรรคประชาชน ในการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แม้ไม่ใช่ทางเลือกที่สมบูรณ์แบบ แต่เราเชื่อว่านี่คือ “ความเป็นไปได้” ที่มีอยู่ภายใต้ข้อจำกัด ในการนำไปสู่การยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน พร้อมกับเปิดประตูสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
"ที่ผ่านมาหลายคนมักถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เกี่ยวข้องกับปัญหาปากท้องหรือคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างไร ผมขอยกตัวอย่างที่ย้อนไปเพียง 2 ปีก่อนหน้านี้ หลังการเลือกตั้ง 2566 ชัดเจนที่สุดว่ารัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนที่สะท้อนผ่านผลการเลือกตั้งได้ และเมื่อมีรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี 2 คนก็ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งพรรคประชาชนยืนยันมาตลอดว่าเราไม่เห็นด้วยกับการใช้ “นิติสงคราม” เช่นนี้" นายณัฐพงษ์ ระบุ
หัวหน้าพรรค ปชน. ระบุว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ทุกคนได้เห็นแล้วว่าไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นนายกฯ หรือพรรคไหนจะขึ้นมาเป็นแกนนำรัฐบาล นายกฯ และรัฐบาลนั้นไม่สามารถมีสมาธิในการแก้ปัญหาของประเทศและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังไม่นับว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ที่เดิม
ดังนั้นการทำข้อตกลง (MOA) ของพรรคประชาชนจึงต้องการผ่าทางตันของประเทศ เป็นข้อเสนอแบบ “ปาท่องโก๋” ที่จะทำให้การยุบสภาเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกรัฐบาลที่มีความชอบธรรมทางการเมืองเข้ามาแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน จะเปิดทางสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด ได้ร่วมกำหนดกติกาสูงสุดของประเทศ
"เหตุผลที่ทำให้ผมมั่นใจว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะเดินหน้าภารกิจนี้ไปกับพรรคประชาชน เพราะตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าถนนทุกสายมุ่งสู่การเลือกตั้ง ทุกพรรคย่อมต้องการคะแนนเสียงจากประชาชน ซึ่งสิ่งสำคัญและเป็นพื้นฐานที่สุดที่จะทำให้พรรคการเมืองได้รับความไว้วางใจจากประชาชน คือนักการเมืองต้องรักษาสัจจะ ไม่ตระบัดสัตย์" นายณัฐพงษ์ ระบุ
หัวหน้าพรรค ปชน.ระบุอีกว่า ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โมเดลการได้มาซึ่ง สสร. นั้น จุดยืนของพรรคประชาชนต้องการให้ สสร. ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุดภายใต้กรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ พรรคการเมืองต่างๆ จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 เข้าสู่สภาฯ และเราหวังว่าการพิจารณาวาระ 1 จะเกิดขึ้นก่อนสิ้นเดือนกันยายน วันนี้จึงขอยืนยันอีกครั้ง การตัดสินใจของพรรคประชาชนครั้งนี้ ไม่ได้ตั้งอยู่บนการแสวงหาความนิยมหรือผลประโยชน์ส่วนพรรค แต่ตั้งอยู่บนการหาทางออกให้กับประเทศ เอาประเทศเป็นตัวตั้ง
"ผมหวังว่าช่วงเวลาต่อนี้จากนี้ ทุกฝ่ายในสังคมไทยจะช่วยกันผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการรักษาสัญญาตาม MOA ทำให้ภารกิจที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมา สามารถเกิดขึ้นได้ ทำให้ “การเมืองแห่งความเป็นจริง” กับ “การเมืองแห่งความเป็นไปได้” มาบรรจบกันในคูหาเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น นี่คือโอกาสที่เราต้องช่วยกันทำให้ดีที่สุดครับ" หัวหน้าพรรค ปชน.ระบุ







