ทบ.​ถามหาความเป็นกลาง 'นายกฯ มาเลเซีย' รับข้อมูลเท็จ 'ฮุน มาเนต​' ฝ่ายเดียว

ทบ.​ถามหาความเป็นกลาง 'นายกฯ มาเลเซีย' รับข้อมูลเท็จ 'ฮุน มาเนต​' ฝ่ายเดียว

ทบ.​ เตรียมแก้เผ็ด​ ฮุน มาเนต​ งัดหลักฐาน​ บ้านหนองหญ้าแก้ว​อธิปไตยไทย​ บอก​นายกฯ มาเลเซีย​ รับข้อมูล​เท็จกัมพูชา​ฝ่ายเดียว​ หวั่นถูกมองไม่เป็นกลาง​

วันที่ 19 ก.ย.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า หลังจากที่มีการประกาศหยุดยิง​ครบ​ 53 วันพร้อมเข้าสู่กลไก ทวิภาคีทุกระดับเพื่อวางกฎกติกา นำไปสู่การสร้างสันติภาพอย่างแท้จริง ซึ่งกำลังฝ่ายทหารของไทยได้ยึดมั่นตาม ข้อตกลง การเตรียมความพร้อมเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่พบว่ากำลังทหารของฝ่ายกัมพูชา​ ยังคงมีความพยายามในการดำเนินการต่างๆ ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทั้งการใช้อาวุธ​ทุ่นระเบิดสังหาร​บุคคล​  การยั่วยุ เผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน​ การใช้โดรน​ การเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน การชุมนุมของชาวบ้านชาวกัมพูชาในพื้นที่เขตแดนของไทย รวมไปถึงการให้ข่าวสารของผู้นำกัมพูชาในเวทีต่างประเทศ​  

นอกจากนี้ยังมีความพยายามในการบิดเบือนพื้นที่อ้างสิทธิ ในพื้นที่ของไทย​ พยายามใช้กำลังภาคประชาชนโดยเฉพาะสตรี​ เด็ก พระภิกษุ​ แสดงเชิงสัญลักษณ์ในการแสดงออก นำประชาชนมาออกหน้าแทนภาคราชการ และเจ้าหน้าที่ทหาร โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาปล่อยให้มวลชนแสดงออกในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อเจ้าหน้าที่ทหารไทย และประชาชนชาวไทย หรือเป็นฝ่ายเรียกร้องในประเด็นที่เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง​ ทั้งเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 สิ่งเหล่านี้เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่องโดยไทยได้รวบรวมข้อมูล เรียบร้อยแล้วเพื่อประท้วงในเวทีต่างๆ  

ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดพบว่ามีประชาชนชาวกัมพูชา ออกมาชุมนุมขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย และมีพฤติกรรมยั่วยุ​ ใช้อาวุธ เช่น​ ไม้ ก้อนหินปาตำรวจไทยในพื้นที่อธิปไตยไทยยืนยันว่าพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว​ ไม่ใช่พื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งการชุมนุมประท้วง​ พบว่ามีพฤติกรรมของทหารกัมพูชาร่วมในเหตุการณ์แต่ไม่ได้มีทีท่าที่จะห้ามปรามประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นว่า​ เป็นการให้ประชาชนออกหน้า​ ในการยั่วยุหรือรุกล้ำดินแดน และกระทำผิดกฎหมายในแผ่นดินไทยอย่างชัดเจน ทางการไทยจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุม โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อรักษาความสงบ และบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่มีทีท่า ที่จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเนื่องจากฝ่ายกัมพูชาไม่มีทีท่า และความจริงใจในการดำเนินการแก้ไขปัญหา

ทั้งนี้ พลตรีวินธัย​ กล่าวยืนยันว่า​ นายอันวาร์​ อิบราฮิม  นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจากนายฮุน​ มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และคณะผู้สังเกตการณ์​ชั่วคราว​ หรือ iot ของฝ่ายกัมพูชา ต่อกรณีบ้านหนองหญ้าแก้ว ไม่ใช้พื้นที่ ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ แต่เป็นเขตอธิปไตยของไทย แต่มีชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามา ในขณะที่ฝ่ายไทยได้วางแนวรั้วลวดหนาม ในพื้นที่อธิปไตยของไทยเอง​ จึงไม่ต้องใช้แผนที่ใด และกองทัพบกจะประสานกับทางกองทัพไทย เพื่อที่จะนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง​ 

พร้อมทั้งยืนยันว่า​ การปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุมในวันนั้น​เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ​ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหาร​ ตามที่นายฮุน​ มาเนต​ กล่าวอ้าง​ และการใช้กระสุนยาง และแก๊สน้ำตา​ ไม่ใช่การสลายการชุมนุม เป็นเพียงการป้องกันไม่ให้รื้อแนวลวดหนาม​ ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางราชการ เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา น่าจะนำเสนอข้อมูลต่างๆในเวทีต่างประเทศผิดพลาด​ จึงจะมีการประสาน กระทรวงการต่างประเทศต่อไป​ พร้อมทั้งยืนยันว่าไทยไม่ได้มีการขยายขอบเขตเกินกว่าพื้นที่พิพาท เนื่องจากพื้นที่ จ.สระแก้ว​  อยู่ตรงกับพื้นที่บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย   เป็นพื้นที่ ที่มีปัญหาอยู่แล้ว​ ไม่ใช่พื้นที่ใหม่ และไม่ใช่พื้นที่ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ และไม่ใช่พื้นที่เหนืออธิปไตยของกัมพูชา แต่ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชานอกจากจะละเมิดข้อตกลง MOU 2543 เข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่อ้างสิทธิ แต่ยังรุกล้ำเข้ามายังพื้นที่อธิปไตยของไทย​ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นความเร่งด่วนแรกที่ต้องดำเนินการ และไม่ได้อยู่ในกลไกของ JBC​ 

พลตรีวินธัย​ กล่าวว่า การรายงานข้อมูลเท็จเพียงฝ่ายเดียวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชารวมถึงคณะIOTฝ่ายกัมพูชา​ไปยังนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย​ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงขอเรียกร้องให้สื่อสารไปยังเวทีต่างประเทศด้วยความโปร่งใสสุจริต ตรงไปตรงมา​ นอกจากนี้ จะให้กระทรวงการต่างประเทศประสานไปยังนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่ายังมีข้อมูลของฝ่ายไทย เพื่อป้องกัน ไม่ให้มาเลเซียถูกมองว่าไม่มีความเป็นกลาง จึงอยากให้รอข้อมูลจากฝั่งไทย มุมมองของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอาจจะเปลี่ยนไป​ 

ทั้งนี้ พลตรีวินธัย​ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม กรณีที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ไม่รอข้อมูลจากคณะ IOT ฝ่ายไทย​ก่อนออกมาให้ความเห็น ว่าไม่ทราบ​  ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีกัมพูชาต่อสายตรงไปยังนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จึงทำให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น ตนก็ตอบไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากเกินกรอบหน้าที่

พลตรีวินธัย​ ยอมรับว่า​ ปัญหาพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เป็นการเผชิญหน้าระหว่างพลเรือนกัมพูชา กับเจ้าหน้าที่รัฐของฝ่ายไทย ถือว่าเป็นปัญหาละเอียดอ่อน ซึ่งที่ผ่านมาพยายามใช้ความอดทนอดกลั้น และประชาชนก็ได้เห็นแล้วว่าเรามีพัฒนาการทำให้เรื่องดังกล่าวนั้นถูกต้อง ซึ่งตอนแรกกังวลเรื่องภาพลักษณ์ ในสายตาของต่างประเทศ แต่ก็ยังพบว่าในระดับต่างประเทศมีการสื่อสารข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่ใช่เฉพาะระดับผู้นำของประเทศมาเลเซีย แต่ยังรวมถึงสำนักข่าวต่างประเทศ และหลังจากนี้จะพยายามใช้กลไกที่มีอยู่ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่ถูกต้อง 

ส่วนการใช้กำลังผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ ที่รุกล้ำอธิปไตยไม่ต้องรอให้รัฐบาลไฟเขียวสามารถดำเนินการได้ทันที เพียงแต่ต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก อย่างไรก็ตามชาวกัมพูชาก็ต้องออกไปจากพื้นที่นี้​ ยืนยันว่าไม่ได้มีการเตรียมยาแรงอะไรแต่เป็นการบังคับใช้กฎหมายตามปกติ​ แต่ต้องสื่อสารให้ได้ก่อนว่าพื้นที่นั้นสามารถดำเนินการได้อย่างชอบธรรม ซึ่งน่าจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ของกัมพูชา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชานำไปเผยแพร่เช่นนั้น จึงต้องให้ข้อมูลที่หักล้างส่วนนั้นให้ได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์