ฎีกาแก้ยกฟ้อง 'เจ๊ปอง-แกนนำ พธม.' คดีบุก NBT - คุก 'น้องสนธิ' 6 เดือน

ด่วน! ศาลฎีกา มีคำพิพากษาแก้ยกฟ้อง 'เจ๊ปอง-แกนนำม็อบพันธมิตร' คดีบุก NBT เมื่อปี 51 แต่จำคุก 'น้องชายสนธิ' 6 เดือน
KEY
POINTS
- ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ยกฟ้อง น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก หรือ "เจ๊ปอง" พร้อมแนวร่วม พธม. รวม 3 คน ในคดีบุกรุกสถานีโทรทัศน์ NBT เมื่อปี 2551
- พิพากษาจำคุกนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล น้องชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
- คำตัดสินของศาลฎีกาเป็นการแก้ไข
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2568 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อ 1033/2561 พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม. ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก พิธีกรข่าวชื่อดัง นายภูวดล ทรงประเสริฐ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที แนวร่วม พธม. และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล น้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ
ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปอั้งยี่ ซ่องโจร เป็นหัวหน้าสั่งการ บุกรุกสถานที่ราชการทำให้เสียทรัพย์ กรณีเมื่อปี 2551 จำเลยกับพวกที่ศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วได้ร่วมกันบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ คดีดังกล่าวศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกจำเลยคนละ 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา จำเลยทั้ง 4 ยื่นฎีกา และได้รับการประกันตัวคนละ 2 แสนบาท
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นควรเรียก น.ส.อัญชะลี เป็นจำเลยที่ 1 นายภูวดล เป็นจำเลยที่ 2 นายยุทธิยง เป็นจำเลยที่ 3 และนายชิติพัทธ์ เป็นจำเลยที่4
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในส่วนของจำเลยที่ 1-3 พยานโจทก์ และพยานหลักฐานอื่นๆมีน้ำหนักน้อย ยังมีข้อสงสัยว่า จำเลยทั้งสามเดินทางไปสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT ในเวลาใด รวมทั้งไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนว่า จำเลยที่ 1-3 ให้คำปรึกษา คำแนะนำ หรือสั่งการกับกลุ่มมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1-3ที่ศาลล่างทั้งสอง พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1-3นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 1-3 ที่อ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือสั่งการนั้นฟังขึ้น
ส่วนจำเลยที่ 4 พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องต้องกัน เห็นว่า จำเลย เป็นผู้สั่งการมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งข่มขู่เจ้าหน้าที่ให้เกิดความกลัวโดยนับถอยหลัง 1- 60 ให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ การออกอากาศ ให้รีบออกจากอาคารที่ทำการ การทำลายประตูทางเข้า และทรัพย์สินอื่นเสียหายกว่า 6 แสนบาท และภาพจำเลยที่4 พูดโทรศัพท์ในบริเวณห้องโถงของอาคารมีน้ำหนัก ข้ออ้างจำเลยที่ 4 ฟังไม่ขึ้น
อย่างไรก็ตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 4 มานั้นหนักเกินไป เห็นควรปรับโทษเสียใหม่ให้เหมาะสม
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลยที่ 4 รวม 8 เดือน คำให้การจำเลยที่ 4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้1ใน4 คงจำคุกจำเลยที่ 4 ไว้ 6 เดือนไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่1-3 พิพากษายกฟ้อง
โดยในวันนี้จำเลยได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา 3 คน ยกเว้นนายภูวดล ทรงประเสริฐ ที่ไม่สามารถเดินทางมาได้ เนื่องจากป่วยติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาล โดยได้แถลงข้อเท็จจริงดังกล่าวแก่ศาลแล้ว ศาลจึงได้หารือ และเห็นว่า เห็นสมควรให้ภรรยาของนายภูวดล เดินทางมาแถลงข้อเท็จจริงต่อศาลในช่วงเช้าวันนี้ ก่อนที่ในเวลาต่อมา ศาลพิเคราะห์เห็นสมควรว่าจะปรึกษาหารือกับผู้บริหารของศาลก่อน เพื่อให้ได้ข้อสรุป โดยนัดให้คู่ความมาพบอีกครั้ง ในเวลา 13.00 น. ก่อนจะมีคำพิพากษาดังกล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







