‘พีระพันธุ์’ เผย เบื้องหลัง ไม่โหวต ‘อนุทิน’ ลั่น สู้ต่อ เดินหน้า ‘รทสช.’

‘พีระพันธุ์’ เผย เบื้องหลัง ไม่โหวต ‘อนุทิน’ ลั่น สู้ต่อ เดินหน้า ‘รทสช.’

“พีระพันธุ์” ประกาศ เดินหน้า “รทสช.” ต่อแน่ เผย เหตุผลส่วนตัวรับไม่ได้ โหวตนายกฯ หวั่นเป็นเบี้ยล่างบางพรรค ผิดกม. แลกผลประโยชน์ วิธีการไม่ถูก ชี้ จะเป็นนายกฯ ต้องมีศักดิ์ศรี

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยผ่านไลฟ์ทางเพจเฟซบุ๊คของพรรครวมไทยสร้างชาติ ถึงปัญหารอยร้าวและความขัดแย้งภายใน ว่า ตนยืนยันยังจะเป็นแม่ทัพเดินหน้าต่อแน่นอน ส่วนข้อสังเกตเรื่องภาวะเลือดไหลออกจำนวนมากนั้น ไม่มี วันนี้ทุกคนก็ยังเป็นสมาชิกพรรค มีเป็นหมื่นคน แต่ละวันก็มีการสมัครเพิ่มขึ้น 

นายพีระพันธุ์ เปิดเผยถึงวันลงมติโหวตนายกรัฐมนตรี เมื่อ5ก.ย.ที่ผ่านมา มติพรรคในวันนั้นเป็นอย่างไรว่า มีคนถามมาเยอะในวันที่จะโหวตนายกฯ แต่ก่อนจะถึงวันนั้นมันก็มีประเด็นปัญหาทางการเมือง มาโดยตลอด ประเด็นสำคัญคือว่า จะมีการไปนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งทางรวมไทยสร้างชาติประกาศตั้งแต่ต้นว่าเรารับไม่ได้ เรามีอุดมการณ์และแนวคิดทางการเมืองตรงกันข้ามกับเรามาตลอด จะไปใช้วิธีการให้นำเอาพรรคการเมืองนั้นมาสนับสนุน และไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ 

“สำหรับผมคิดว่าแนวทางการเมืองแบบนี้ผมรับไม่ได้ เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลจะกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ แล้วในลักษณะแบบนี้มุมของผมเห็นว่า ผิดกฎหมายพรรคการเมือง เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ สองเหตุผลนี้ผมคิดว่าไม่สามารถที่จะลงคะแนนเสียงให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ทั้งๆที่โดยส่วนตัว ผมก็เคารพรักกับท่านมาก และคิดว่าท่านเป็นคนที่มีความเหมาะสมคนหนึ่ง แต่ด้วยวิธีการผมคิดว่าไม่ถูกต้อง”

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ไปติดต่อเพื่อที่จะให้พรรคการเมืองบางพรรคมาสนับสนุนในการตั้งรัฐบาลในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งตนบอกแล้วว่าโดยส่วนตัวคิดว่าเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นความเห็นส่วนตัวจึงเห็นว่า ถ้าหากต้องจัดตั้งรัฐบาลโดยวิธีการนี้เราไม่สามารถที่จะสนับสนุนใครได้เลยทั้งสองฝ่าย นี่เป็นความคิดตน แต่การบริหารจัดการพรรคก็ต้องผ่านกรรมการบริหารพรรคก่อน

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากวันที่ 5ก.ย. ก็มีการพูดคุยกันกับผู้บริหารพรรคระดับสูง ว่าถ้าวิธีการเป็นแบบนี้เราคงจะร่วมไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ก็คุยกันแล้วตนก็บอกว่า เราควรจะเชิญสส.มาพูดคุย ก็มีผู้ที่บริหารจัดการกันอยู่บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวจะเป็นคนติดต่อให้สส.เข้าใจเอง จากนั้นได้ข่าวซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น และไม่อยากเชื่อ แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่องจริง ซึ่งทางการเมืองเดินมาถึงตรงนี้คงไม่น่าจะเดินไปถึงวันโหวต เพราะตนเชื่อว่าน่าจะมีการเสนอยุบสภา แล้วก็มีการเสนอยุบสภาจริงๆ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในวันที่มีการประชุมกก.บห. และสส. ก็เลยไม่มีการลงมติ หรือเป็นมติพรรคว่าจะให้ทำอย่างไร เป็นเพียงการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน เพราะตนคิดว่าคงเดินไปไม่ถึงวันโหวตนายกฯ เพราะเชื่อว่าจะมีการยุบสภา ปรากฎว่า ก็มีการเสนอให้ยุบสภาจริงๆ แต่ก็มีการส่งกลับคืน ก็มีสส. หลายคนติดต่อตนว่า กก.บห. น่าจะมีแนวทางให้เป็นมติ จะได้รู้ว่าจะเดินอย่างไรต่อไป ด้วยเหตุนี้ตนจึงเรียกประชุมกก.บห. ฉุกเฉินเร่งด่วน ก็เลยการแสดงความคิดเห็นกันว่าจะเอาอย่างไร สำหรับตนก็ได้พูดตามที่ได้ระบุข้างต้น รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลลักษณะนี้ไม่ใช่รูปแบบที่เคยเกิดขึ้น และคนที่จะเป็นคนกำหนดว่าใครจะเป็นรัฐบาลไม่ได้ร่วมรัฐบาล แต่เป็นคนกำหนดเงื่อนไขให้รัฐบาลเดิน เท่ากับรัฐบาลนี้จะอยู่ภายใต้พรรคการเมืองอื่น เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ผิดกฎหมายพรรคการเมือง จึงไม่สามารถลงคะแนนให้ฝ่ายใดได้เลยด้วยวิธีการนี้ ก็มีอีก3ท่าน เห็นตรงกับตน รวมเป็น4คน ส่วนอีกหนึ่งคนเห็นตรงกันกับตนแต่มีเงื่อนไขว่าถ้านายอนุทินยืนยันว่าจะไม่แตะต้อง ม.112 ยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด1-2 ก็ควรจะโหวตให้นายอนุทิน ส่วนอีก2คน เห็นว่า น่าจะปล่อยให้เป็นเอกสิทธิ์ สส. ตนดูบรรยากาศแล้วคิดว่า ถ้ามีมติอะไรกันออกไปจะทำให้เกิดปัญหาก็เลยคิดว่าก็ไม่ต้องพูดมติหรือพูดอะไรก็บอกแต่เพียงว่าได้ประชุมหารือ แต่ละคนมีความเห็นว่าอย่างนี้ ตนดูแล้วว่าเราก็ไม่ได้อะไรกับเขาขึ้นมา เราจะต้องมาทำให้เกิดปัญหาในพรรคทำไม สุดท้ายหลังจากได้สื่อสารออกไป ทุกคนก็ขอว่าเป็นเอกสิทธิ์ ตนบอกว่าก็แล้วแต่ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี 

“พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่  ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะสามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ  

นายพีระพันธุ์ ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกัน