ทภ.1 เดือด จี้ ผู้นำกัมพูชา เลิกหลบหลังผู้หญิง จัด 7 กองร้อย คุมหนองหญ้าแก้ว

ทภ.1 เดือด ประณามผู้นำกัมพูชา เลิกหลบหลังผู้หญิง จี้แสดงความจริงใจยึดเจรจาสันติ พร้อมยกระดับ เตรียมส่ง คฝ.สมทบ 5 กองร้อย คุมบ้านหนองหญ้าแก้ว หากละเมิดจับดำเนินคดี โวยคณะ IOT กพช. ทำผิดกติกา
วันที่ 18 ก.ย.68 ที่ กองทัพภาคที่ 1 พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 1 แถลงข่าว เหตุการณ์ชาวกัมพูชา บุกรื้อรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว และทำร้ายเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน(คฝ.) จึงมีการใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ว่าเหตุการณ์ แสดงให้ได้เห็นว่ากัมพูชามีความจริงใจหรือไม่ ที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงในการประชุมทวิภาคีระดับต่างๆ แต่เหตุการณ์บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน ที่ผ่านมา กลับใช้การยั่วยุ ระดมมวลชน เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ ไม่ใช่เรื่องที่อารยประเทศปฏิบัติต่อกัน
"ผมขอประณามผู้นำประเทศกัมพูชา ที่ปล่อยให้เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้น ในพื้นที่อธิปไตยของไทย โดยใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ยั่วยุ ต้องการสร้างภาพว่าฝ่ายไทยปฏิบัติการทำร้าย โดยไม่สนใจความรู้สึก หรือร่างกายของประชาชนตัวเอง ให้เข้ามารุกล้ำอธิปไตยไทย ขออย่ามายั่วยุอีก และเลิกยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงได้แล้ว ซึ่งมีการประกาศกติกาสากลอยู่แล้ว และขอฝากไปถึงพระสงฆ์กัมพูชา หากจะมาแสดงเช่นนี้ขอให้กลับไปสึกเสียดีกว่า แล้วไปสมัครมาเป็นทหาร แล้วมาปฏิบัติต่อกัน ยืนยันว่าเราไม่หลงกล และรู้ว่าจะใช้วิธีนี้ เราจึงเตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนไว้ "พลตรี สุรวิชญ์ กล่าวและว่า
ทั้งหมดนี้คือ ละคร กัมพูชาสร้างละครไม่จบไม่สิ้น ตนอยากฝากถามถึงความจริงใจผู้นำกัมพูชา โดยเฉพาะการปฏิบัติตามข้อตกลง อย่าให้เป็นแค่กระดาษหรือคำเขียนแต่จะต้องนำมาสู่การปฏิบัติ
"กองทัพภาคที่ 1 ไม่ได้หวั่นไหวหรือหวั่นใจ ทุกอย่าง เราเป็นผู้ใหญ่ใจดีมามากแล้ว ตลอดระยะเวลา 30-40 ปี เราชวนอยู่กันแบบอารยะบ้านใกล้เรือนเคียง มีความสุขไปร่วมกัน แต่ในเมื่อเราชวนท่านที่อยู่ในกติกาแต่ท่านก็อยู่นอกกติกาอย่างต่อเนื่อง "
ขณะที่การวางแนวลวดหนามเพื่อป้องกันตนเองของฝ่ายไทย สิ่งที่ผู้นำกัมพูชาปล่อยให้เกิดขึ้น และบิดเบือนด้วยการออกข่าวว่าเป็นการทำร้ายคนกัมพูชา อ้างว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา บิดเบือนทั้งสิ้น พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา ผู้ว่าฯ สระแก้ว ได้ใช้ความอดทนมาตลอด เมื่อฝ่ายกัมพูชาไม่ใช้กำลังทหาร และฝ่ายไทยจะใช้กำลังทหารกับทหารด้วยกันเท่านั้น จึงเตรียมกำลังควบคุมฝูงชนรับมือ
พลตรี สุรวิชญ์ ย้ำว่า การปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 1 มีอารยะ มีขั้นตอน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า ทหารกัมพูชา นอกจากไม่ห้ามปรามประชาชนของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ผสมโรง ช่วยรื้อรั้วลวดหนาม สิ่งที่เห็น คนกัมพูชาวัยฉกรรจ์ 100 - 200 คนใช้ไม้เป็นอาวุธ และใช้หนังสติ๊ก ซึ่งรุนแรงกว่ากระสุนยางทำร้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เพราะฉะนั้นเราจะต้องรอบคอบ และป้องกันตนเอง จึงเตรียมกำลังควบคุมฝูงชน 2 กองร้อย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารพราน และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายหญิง และอาสาสมัครรักษาดินแดน ในการตรึงกำลังผลักดันตามขั้นตอน และตามสมควรแก่เหตุ ซึ่งกัมพูชานำไปบิดเบือนว่าถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยทำร้ายร่างกาย บาดเจ็บสาหัส จึงตั้งคำถามว่าแก๊สน้ำตาบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร จึงขอฝากไปถึงสื่อมวลชนฝั่งกัมพูชาขอให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
พลตรี สุรวิชญ์ ยังกล่าวตำหนิ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ฝ่ายกัมพูชา ลงพื้นที่ช่วงค่ำหลังเหตุ ให้ปฏิบัติตามข้อตก และไม่มีสิทธิ เดินมาบริเวณแนวรั้วลวดหนาม ซึ่งเป็นอธิปไตยของฝ่ายไทย โดยได้ให้กรมข่าวกองทัพภาคที่ 1 ทำหนังสือประท้วงให้ยึดถือหลักเกณฑ์ และกติกาเพราะเมื่อคณะ IOT ถูกสร้างมาเป็นผู้สังเกตการณ์
โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะยกระดับความเข้มข้น โดยทางตำรวจภูธรภาค 2 ส่งกำลังควบคุมฝูงชนสมทบในพื้นที่ 5 กองร้อย รวมของเดิม 2 กองร้อย รวมเป็น7กองร้อย หากละเมิดอีก จับกุมได้ทันที พร้อมขนขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดี ตามกฎหมายไทย ที่กำหนดว่าเข้าข่ายใด
พลตรี สุรวิชญ์ เปิดเผยต่อ กองทัพภาคที่ 1 เตรียม การประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาค(RBC) ไทย-กัมพูชา 24-25 ก.ย.68 ที่กัมพูชา หารือแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แผนปฏิบัติอาชญากรรมข้ามชาติ การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน การจัดชุดประสานงานระหว่างพื้นที่
รวมไปถึงจะมีการจัดตั้ง TBC ในระดับจังหวัด เพื่อทำงานในพื้นที่ และย้ำว่าขอให้สถานการณ์เหมาะสมต่อการเจรจา และขอความจริงใจที่จะพูดคุย เพื่อที่จะให้ประชาชนร่วมของประเทศ อย่าให้สนามการค้าเปลี่ยนเป็นสนามรบ
ทั้งนี้ใน จ.สระแก้ว มีพื้นที่ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ 8 พื้นที่ แต่ในส่วนของ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว กัมพูชารุกล้ำเกิน พื้นที่อ้างสิทธิ จึงต้องแก้ไขจัดการ โดยไม่ให้ยืดเยื้อเด็ดขาด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






