‘ครม.คนละครึ่ง’มืออาชีพกู้เรตติ้ง 6รมต.'สายบุรีรัมย์-บ้านใหญ่'

ครม.อนุทิน 1 เห็นได้ชัด ถึงยุทธศาสตร์ในการจัดทำโผรัฐมนตรีในลักษณะ“ครม.คนละครึ่ง”โดยครึ่งหนึ่งคือ การดึงคนนอก ขณะที่อีกครึ่งหนึ่ง จะเป็นสัดส่วนโควตากลุ่มการเมือง
KEY
POINTS
- ครม.อนุทิน 1 เห็นได้ชัด ถึงยุทธศาสตร์ในการจัดทำโผรัฐมนตรีในลักษณะ“ครม.คนละครึ่ง”โดยครึ่งหนึ่งคือ การดึงคนนอก ขณะที่อีกครึ่งหนึ่ง จะเป็นสัดส่วนโควตากลุ่มการเมือง
- โผครม.อนุทิน 1 รอบนี้ จึงมีรัฐมนตรีที่เป็นสายตรงบุรีรัมย์ทั้งสิ้น 6 คน
- ในส่วนของโควตาภูมิใจไทยรอบนี้ เห็นชัดว่ามีการปูนบำเหน็จให้กับบรรดาบ้านใหญ่สีน้ำเงิน เพื่อซื้อใจและตุนกระสุนสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
- ยังต้องจับตาท่ามกลางนิติสงครามที่กำลังรุกไล่จากอีกฝั่ง โดยเฉพาะในส่วนของพรรคสีน้ำเงินที่ถูกจับตาในประเด็นเขากระโดง เชื่อมโยงกับคนในตระกูลชิดชอบ รวมถึงคดีฮั้วสว.ที่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ท่ามกลางคำถามที่เกิดขึ้นมากมายในเวลานี้
- กระแสว่า "โสภณ"รองนายกฯ และเป็นสายตรงบุรีรัมย์ อาจจะเข้ามากำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม จึงต้องลุ้นว่าจะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้อุณภูมิการเมืองร้อนฉ่ายิ่งขึ้นหรือไม่
ล้วงลึก ครม.อนุทิน 1 “คนละครึ่ง” ดึง “มืออาชีพ” กู้เรตติ้ง ปูนบำเหน็จ “6 รัฐมนตรี” สายตรงบุรีรัมย์-บ้านใหญ่-ซุ้มการเมือง จับตาเกมวัดใจ ดัน“โสภณ” คุมยุติธรรม ฝ่าครหาเขากระโดง-ฮั้วสว.
ความคืบหน้าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุทิน 1 ที่ล่าสุดกระบวนการตรวจคุณสมบัติเสร็จสิ้น หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ได้ลงนามเพื่อทูลเกล้าฯรายชื่อ ครม. และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ
ทั้งนี้ ขั้นตอนหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ นายอนุทิน นายกฯ จะนำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยการบริหารราชการแผ่นดินจะเริ่มนับหนึ่ง หลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
ไล่เรียงโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1จะเห็นได้ชัด ถึงยุทธศาสตร์ในการจัดทำโผรัฐมนตรีในลักษณะ“ครม.คนละครึ่ง”โดยครึ่งหนึ่งคือ การดึงคนนอกระดับมืออาชีพ หรือชั้นปรมาจารย์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่คะแนนนิยมอาจไม่ได้ติดท็อปทรี แต่หวังผลไปถึงคะแนนนิยมในสนามเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้
ส่อง “โควตาคนนอก” มีจำนวน 9 ตำแหน่ง ประกอบด้วย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน วรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง
พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม
ผ่า 6 รัฐมนตรีสายตรงบุรีรัมย์
จำนวนนี้ แม้ทุกคนจะไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง หรือมาในโควตาพรรคการเมือง แต่หากไล่ลึกลงไปจริงๆ มีบางคนถูกจัดสถานะเป็น “สายตรงบุรีรัมย์”
โฟกัสที่พล.ต.ท.รุทธพล ว่าที่รมว.ยุติธรรม รับราชการเติบโตในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ตั้งแต่ปี 2540 ตำแหน่งสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ก่อนขึ้นเป็นรอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ และถูกแต่งตั้งขึ้นเป็น ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กระทั่งรับราชการในตำแหน่งสุดท้ายคือ รองผบช.ภ.3
ส่วน “บิ๊กดุลย์” อดุลย์ อดีตแม่ทัพภาค 2 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนายกฯอนุทินที่ วปอ. แถมคลุกคลีกับการทำงานในพื้นที่ภาคอีสานทั้งบุ๋นและบู๊มาอย่างยาวนาน
ฉะนั้น หากนับรวมกับอีกสายตรงบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในโควตาพรรคภูมิใจไทย ไล่ตั้งแต่คือ ไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และเป็นบุตรชายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่สีน้ำเงิน ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย โสภณ ซารัมย์ สส.บุรีรัมย์ รองนายกรัฐมนตรี และศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาในโควตากลุ่มทุน
ดังนั้น โผครม.อนุทิน 1 รอบนี้ จึงมีรัฐมนตรีที่เป็นสายตรงบุรีรัมย์ทั้งสิ้น 6 คน
ภท.ปูนบำเน็จบ้านใหญ่สีน้ำเงิน
ขณะที่อีกครึ่งหนึ่ง จะเป็นสัดส่วนโควตากลุ่มการเมือง รวมถึงบ้านใหญ่แต่ละสาย แบ่งเป็น พรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย โควตาบ้านใหญ่ภาคใต้ ทั้ง พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ในฐานะแม่ทัพภาคใต้
ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย บุตรสาว สมศักดิ์ กิตติธรกุล หรือโกหงวน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่(นายก อบจ.กระบี่) หลายสมัยจนถึงปัจจุบัน และเป็นลูกพี่ลูกน้องของ กิตติ กิตติธรกุล สส.กระบี่ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย
โควตาบ้านใหญ่ภาคกลาง ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม บุตรสาว ชาดา ไทยเศรษฐ์ บ้านใหญ่อุทัยธานี สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ปัจจุบันเป็นสส.พระนครศรีอยุธายา และเป็นบุตรชาย “ซ้อสมทรง พันธ์เจริญวรกุล” นายกอบจ.และเป็นบ้านใหญ่พระนครศรีอยุธยา
ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นสส.อ่างทอง และเป็นบุตรชาย สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล บ้านใหญ่อ่างทอง นภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บ้านใหญ่ราชบุรี และมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รมช.คมนาคม ปัจจุบันเป็นสส.ลพบุรี และเป็นบุตรสาวของ "กมล จิระพันธุ์วาณิช" อดีตสส.บ้านใหญ่ลพบุรี
ในส่วนของโควตาภูมิใจไทยรอบนี้ เห็นชัดว่ามีการปูนบำเหน็จให้กับบรรดาบ้านใหญ่สีน้ำเงิน เพื่อซื้อใจและตุนกระสุนสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้สส.ยกจังหวัด ตามสูตร พรรคภูมิใจไทยจะได้1โควตารัฐมนตรีเป็นอย่างต่ำ
2 พรรค-2 กลุ่มสายตรง-บ้านใหญ่
พรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ และ อัครา พรหมเผ่า รมว.พัฒนาสังคมเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ อรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รมช.เกษตรและสหกรณ์ อามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ องอาจ วงษ์ประยูร รมช.ศึกษาธิการ
จำนวนนี้มีเพียง "นฤมล" ที่เป็นรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรค ขณะที่ "องอาจ" ถูกเสนอชื่อในโควตาบ้านใหญ่สระบุรี ส่วนที่เหลือทั้งหมดล้วนสายตรงผู้กองธรรมนัส ทั้งสิ้น
พรรคพลังประชารัฐ พัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข บุตรชาย สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค และ วรโชติ สุคนธ์ขจร รมช.สาธารณสุขมา ถูกเสนอชื่อในโควตาซุ้มมะขามหวาน
ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน มาในโควตาบ้านใหญ่สระแก้ว และสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกเสนอชื่อในโควตาภาคใต้
กลุ่มการเมือง (พรรครวมไทยสร้างชาติ) สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม แพ็กสามในฐานกลุ่มสุชาติ
และศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย เสนอชื่อในโควตากลุ่มนายศักดา และ 8 สส.เพื่อไทยบวก 1 สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ นริศ ขำนุรักษ์ อดีต รมช.มหาดไทย
วัดใจ“โสภณ”คุมยธ.ฝ่าปมฮั้วสว.
แน่นอนว่าภายใต้โผครม.ที่อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้าฯในเวลานี้ ยังต้องจับตาท่ามกลางนิติสงครามที่กำลังรุกไล่จากอีกฝั่ง โดยเฉพาะในส่วนของพรรคสีน้ำเงินที่ถูกจับตาในประเด็นเขากระโดง เชื่อมโยงกับคนในตระกูลชิดชอบ รวมถึงคดีฮั้วสว.ที่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ท่ามกลางคำถามที่เกิดขึ้นมากมายในเวลานี้
โดยเฉพาะท่าทีจาก “อาจารย์บวรศักดิ์” ซึ่งมีรายงานว่า ในวันเทียบเชิญรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย มีการกำหนดเงื่อนไข และวางกรอบการทำงานเอาไว้อย่างชัดเจน โดยจะเข้ามาช่วยกลั่นกรองงานด้านกฎหมาย รวมถึงวางแนวทางคำถามประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พร้อมยื่นเงื่อนไขเอาไว้ 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. จะดำรงตำแหน่งรองนายกฯ โดยไม่กำกับกระทรวงยุติธรรม 2.พร้อมรับเป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ 3.ไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวคดี ฮั้ว สว. และคดีเขากระโดง
โดยมีกระแสว่า "โสภณ"รองนายกฯ และเป็นสายตรงบุรีรัมย์ อาจจะเข้ามากำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม จึงต้องลุ้นว่าจะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้อุณภูมิการเมืองร้อนฉ่ายิ่งขึ้นหรือไม่
ล้มคำสั่ง‘เดชอิศม์’รอศาลชี้ขาด
ไหนจะกรณีที่ล่าสุด กรมที่ดินได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีที่ เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทยคนเก่า ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินนั้น
กรมที่ดิน พิจารณาแล้วขอเรียนว่า ที่ผ่านมากรมที่ดินได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว ทั้งตามคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลอุทธรณ์ ภาค 3 คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ประกอบกับปัจจุบันการรถไฟฯ ก็ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางตามข้อ 4 แล้ว ทุกฝ่ายจึงควรรอผลคำพิพากษาของศาล อันจะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับหลักประกันความเป็นธรรมตามกระบวนการจากองค์กรตุลาการที่ได้รับการยอมรับ อย่างไรก็ตาม หากการรถไฟฯ เห็นว่าตนมีสิทธิในที่ดินดีกว่า ก็ไม่ตัดสิทธิการรถไฟฯ ที่จะไปใช้สิทธิทางศาลยุติธรรม
ขณะที่เกมนิติสงครามจากฝั่งตรงข้าม ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องทั้งกรณีการยื่นยุบพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยกรณีการทำข้อตกลงทางการเมืองที่สนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ
ไหนจะเกมสภาฯที่เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งล่าสุด "ชูศักดิ์ ศิรินิล" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าทีมกฏหมายพรรค พูดถึงเรื่องนี้ว่า พรรคเพื่อไทยตั้งคณะทำงานและเตรียมอภิปรายแล้ว และรอดูคำแถลงนโยบาย ซึ่งคาดว่าคงไม่ยาวที่ต้องอ่าน 2-3 ชั่วโมง เพราะรัฐบาลนี้จะอยู่แค่ 4 เดือน
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการตอกย้ำว่า รัฐบาลภูมิใจไทย นอกเหนือจะเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจ ภายใต้ระยะเวลาจำกัด 4 เดือนแล้ว นิติสงครามการเมืองที่กำลังรุกคืบก็เป็นอีกเกมวัดดวงรัฐบาล รวมถึง “ผู้นำความคิด”ตัวจริง ที่กำลังเดินหมากอยู่หลังฉากอีกด้วย






