‘ส้ม’ เลี่ยงเผชิญนิติสงคราม แนวรบใหม่ ส่ง '3 แคนดิเดตนายกฯ'

‘ส้ม’ เลี่ยงเผชิญนิติสงคราม แนวรบใหม่ ส่ง '3 แคนดิเดตนายกฯ'

หาก “ดีลลับ” มีอยู่จริง ตามที่บางเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึง “คดี 44 สส.” อาจถูก “ยื้อ” จนกว่ารู้ผลศึกเลือกตั้งครั้งหน้า การจับมือพันธมิตร “ส้ม-น้ำเงิน” อาจเกิดขึ้นอีก

KEY

POINTS

  • "ก๊กส้ม" พรรคประชาชน วางยุทธศาสตร์ใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อเป็นแนวทางหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก "นิติสงคราม" ที่เคยทำให้พรรคถูกยุบมาแล้ว 2 ครั้ง
  • กลยุทธ์สำคัญคือ การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมากกว่า 1 คน ซึ่งคาดว่าจะเสนอครบโควตา 3 คน เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากผู้สมัครหลักถูกตัดสิทธิทางการเมือง
  • มีการคาดการณ์ว่า 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอาจประกอบด้วย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, ศิริกัญญา ตันสกุล และวีรยุทธ กาญจนชูฉัตร

กำลังเป็น “ตำบลกระสุนตก” สำหรับ “ก๊กส้ม” พลันที่ตัดสินใจโหวตหนุนพรรคภูมิใจไทย ผลักดัน “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถึงฝั่งฝันเป็นนายกฯ คนที่ 32 ได้สำเร็จ และมีการทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ “ครม.หนู 1” ไปแล้วเมื่อ 16 ก.ย.68ที่ผ่านมา

การตัดสินใจของ “ก๊กส้ม” ครั้งนี้ สร้างแรงสะเทือนไม่น้อยทั้งจาก “ภายใน” และ “ภายนอก” กล่าวคือ เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดา “ด้อมส้ม” ประเภท “ซ้ายจัด” ที่มองว่าการโหวตอุ้ม “ก๊กน้ำเงิน” เถลิงอำนาจครั้งนี้ “ได้ไม่คุ้มเสีย” 

เนื่องจาก “แดง-น้ำเงิน” ไม่สามารถไว้วางใจได้ และวิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้น เป็นผลพวงจากการรบกันระหว่าง “แดง-น้ำเงิน” ไม่เกี่ยวกับ “ส้ม” ดังนั้นควรสงวนท่าที และต้องยึดหลักการ “ยุบสภาฯ” เพียงอย่างเดียว

ด้าน “ด้อมส้มซ้ายกลาง” ยังเห็นดีเห็นงามกับพรรค โดยเห็นว่า การตัดสินใจครั้งนี้ เพื่อ “ผ่าทางตัน” ป้องกันไม่ให้โหวต “นายกฯ คนนอก” เข้ามาสู่ระบบรัฐสภา ที่สำคัญเป็นไปเพื่อการผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งเป็น “หมุดหมายสำคัญ” ของ “ก๊กส้ม” ตั้งแต่ก่อร่างสร้างพรรคอนาคตใหม่ นับหนึ่งปลดล็อกการเมือง เรื่องอื่นค่อยว่ากันหลังเลือกตั้งครั้งหน้า

แม้มีเสียงซุบซิบกันบ้างว่า เหตุผลประการสำคัญที่ “ก๊กส้ม” ตัดสินใจอุ้ม “ก๊กน้ำเงิน” ครั้งนี้ เพราะมี “ดีลลับ” สัญญาใจกันระหว่าง “บิ๊กเนมส้ม-น้ำเงิน” แลกกับการ “ยื้อ” บางคดีในชั้นการไต่สวนขององค์กรอิสระบางแห่ง เพื่อเปิดทางให้ยังสามารถลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งถัดไปได้อยู่ จนกว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่เสร็จสิ้น อย่างไรก็ดีบรรดา “ผู้บริหารพรรคส้ม” ดาหน้าปฏิเสธเรื่องนี้ทันควัน และหลายครั้ง

ที่น่าสนใจ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึง “ยุทธศาสตร์” สู่การเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อ 16 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า จากเสียงสะท้อนของประชาชนเห็นว่าอยากได้รัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละภาคส่วนที่อยู่นอกฝั่งการเมือง ยืนยันว่าพรรคประชาชนมีความพร้อมเปิดโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดถัดไป ถ้าได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาบริหารประเทศ ยืนยันว่าแต่ละคนเป็นผู้ได้รับการยอมรับในแต่ละวงการแน่นอน และคณะรัฐมนตรีจะมีทั้งคนใน และคนนอก นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นในเรื่องความนิยมของพรรคว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะส่งผลให้พรรคประชาชน เดินหน้าไปเป็นฝ่ายบริหารได้ ก็อยู่ที่ความไว้วางใจของประชาชน

“ผมพร้อมเป็นคณะรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในการบริหารประเทศ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เข้าสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มตัวจึงยังไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นผม ยืนยันว่าครั้งนี้ส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมากกว่า 1 คนแน่นอน แต่ขอยังไม่บอกว่าใคร” ณัฐพงษ์ กล่าว

นั่นหมายความว่า “ก๊กส้ม” รับรู้เล่ห์กลของ “รัฐธรรมนูญปี 60” เป็นอย่างดี หลังต้องเผชิญ “นิติสงคราม” จนพรรคถูกยุบไปแล้วถึง 2 ครั้งในเวลาแค่เพียง 7 ปี การส่ง “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคเพียงแค่ 1 คนอย่างที่ผ่านมา (ปี 2562 อนาคตใหม่-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ/ปี 2566 ก้าวไกล-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์) อาจไม่ได้เปรียบในทางการเมือง หากมีสถานการณ์ไม่คาดฝันแบบปัจจุบัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมา เหตุผลประการสำคัญที่ “ก๊กส้ม” ต้องผจญนิติสงคราม ถูกยุบพรรคไปถึง 2 ครั้ง เพราะถูกฝ่ายอนุรักษนิยม ซึ่งยังคงเป็น “ชนชั้นนำ” ในประเทศนี้ มองว่า “เป็นภัย” เนื่องจากนโยบายเกี่ยวกับการ “ปฏิรูปสถาบันฯ” และการจ้องแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ทว่าภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจากเห็นว่านโยบายหาเสียงเพื่อแก้ไขมาตรา 112 เข้าข่ายปฏิปักษ์และล้มล้างการปกครอง สถานการณ์ของ “ก๊กส้ม” ดูเหมือนจะ “สงบเสงี่ยม” ขึ้นมาแทบจะทันใด มีการลบนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ออกจากเว็บไซต์ ขณะเดียวกันการผลักดันเรื่องนี้แทบจะไม่เกิดขึ้นอีกในสภาฯ นอกจากการพูดถึงของ สส.บางคนในนามส่วนตัว และการนิรโทษกรรมเพื่อช่วยบุคคลที่ต้องคดีมาตรา 112 เพียงเท่านั้น

แต่ล่าสุด “เท้ง ณัฐพงษ์” ให้สัมภาษณ์กับ TIME สื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลกถึงเรื่องนี้ โดยระบุตอนหนึ่งว่า ยังยืนยันคำเดิมกฎหมายฉบับนี้ บางส่วนก็ยังมีปัญหา แต่จะแก้อย่างไร ก็ต้องแก้ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนประเด็นพรรคจะเกิดอุบัติทางการเมืองขึ้นหรือไม่นั้น ถ้าหมายถึงนิติสงคราม ไม่สามารถตอบได้ เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้จริงๆ

สะท้อน “ดีเอ็นเออนาคตใหม่” ยังคงไหลเวียนอยู่กับ ปชน.แม้ว่าจะต้อง “ข่มใจ” เรื่องเกี่ยวกับมาตรา 112 เอาไว้ก่อน จนกว่าจะชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย จนเป็น “ฉันทามติในสังคม” ให้แก้ไขมาตรา 112 ได้ แบบไม่ต้องกังวลเรื่องถูกร้องเรียน-ยุบพรรค แต่ถ้าไม่นำมาใช้ จะอธิบายกับ “ด้อมส้ม-ฐานเสียง” ตัวเองอย่างไร เพราะปฏิเสธได้ยากว่า ฐานเสียงของพรรคนี้ ส่วนใหญ่มีจุดยืนเกี่ยวกับนโยบายนี้

ดังนั้นฉากทัศน์ในการเลือกตั้งครั้งถัดไปของ “ก๊กส้ม” สิ่งที่น่าจับตามองมี 2 ส่วนคือ 1.นโยบายเกี่ยวกับมาตรา 112 จะถูกนำมาใช้หาเสียง หรือรณรงค์อย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่ และหากนำมาใช้ จะหาทาง “เลี่ยงบาลี” มิให้เข้าข่ายละเมิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร

2.แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคคนใหม่ ที่คราวนี้คาดว่าจะส่งครบโควตา 3 คน เพื่อป้องกันเกิด “สุญญากาศการเมือง” แบบปัจจุบัน โดยคาดว่าจะมีชื่อของ “เท้ง ณัฐพงษ์” เป็นลำดับที่ 1 “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ลำดับที่ 2 และ “ต้น” วีรยุทธ กาญจนชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค เพื่อนสนิท “ธนาธร” ลำดับที่ 3 หรือไม่

อย่างไรก็ดี “ณัฐพงษ์-ศิริกัญญา” ตกเป็น 1 ใน 44 สส.ก้าวไกล ถูกไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ ร้ายแรง กรณีร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 โดยปัจจุบันใน 44 สส.ดังกล่าวมี 25 สส.ปชน.ที่ยังอยู่ในสภาฯ คดีนี้จะเป็นอีกจุด “ชี้เป็นชี้ตาย” ของ “ก๊กส้ม” ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรในทางการเมือง นี่ยังมินับบรรดา “ยังบลัด” แกนนำ แถว 2 ที่หลายคนต้องเผชิญชะตากรรมนี้ เช่น รังสิมันต์ โรม ศิษย์เอก “ปิยบุตร แสงกนกกุล” วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เป็นต้น

ดังนั้นแนวทางการให้สัมภาษณ์ของ “ณัฐพงษ์” เรื่องโฉมหน้า ครม.ใหม่ หากชนะการเลือกตั้ง จึงออกมาลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะยังไม่แน่นอนในทางคดีว่าจะออกมาหน้าไหน หากผลลัพธ์ “เลวร้าย” ผ่องถ่ายเลือดใหม่เข้ามาไม่ทัน อาจจำเป็นต้องใช้บริการ “คนนอก” เชิญเข้ามาร่วมใน “ครม.ส้ม” ก่อน ซึ่งหนีไม่พ้น “นักวิชาการฝ่ายซ้าย” – นักธุรกิจคอนเนกชัน “กลุ่มเพื่อนเอก” เข้ามาสมทบ

แต่ถ้าหาก “ดีลลับ” มีอยู่จริง ตามที่บางเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึง “คดี 44 สส.” อาจถูก “ยื้อ” จนกว่าจะรู้ผลศึกเลือกตั้งครั้งหน้า และการจับมือพันธมิตร “ส้ม-น้ำเงิน” อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อผนึกกำลังกำราบ “ก๊กแดง” ก็เป็นไปได้?

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์