'เอกนัฏ' เปิดใจ ปมไขก๊อก เลขาฯ รทสช. เหตุเห็นต่าง ยังไม่คิดตีจาก

'เอกนัฏ' เปิดใจ ปมไขก๊อก เลขาฯ รทสช. เหตุเห็นต่าง ยังไม่คิดตีจาก

"เอกนัฏ" เผยปมลาออก เลขาธิการฯ รทสช. เปิดทางให้เซ็ต กก.บห.ใหม่ หลังมีความเห็นต่าง ชี้ไม่เป็นผลดีต่อการเลือกตั้ง ย้ำยังรักพรรคไม่คิดไปไหน แต่ไม่ปิดโอกาสร่วมงาน ภท.-ปชป.

ที่รัฐสภา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ ยอมรับถึงการยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคมีเอกภาพ ซึ่งได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ตนไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับนายพีระพันธุ์ แต่เมื่อมีความคิดเห็นที่แตกต่างในกรณีโหวตนายกฯ คนที่ 32 หากจะให้ทำงานด้วย อาจไม่เป็นผลดี เพราะอีก 4-5 เดือนจะเลือกตั้งใหม่ หากปล่อยให้พรรคมีสภาพแบบนี้คงไม่เป็นผลดี

"วันนี้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค แต่ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และก็ยังดำรงตำแหน่ง สส.แม้ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ยังสานต่อภารกิจที่ยังคงค้างไว้ที่อยู่ในกระทรวงอุตสาหกรรม" นายเอกนัฏ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงนัยทางการเมือง กรณีมีภาพเผยแพร่ ไปร่วมรับประทานอาหารกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนกับนายอนุทิน ได้พูดคุยกันตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเราเคยร่วมรัฐบาลกันมาก่อน 2 ปี โดยนายอนุทินเป็นคนขอมาพูดคุยด้วย เนื่องจากทราบว่า ตนและกลุ่ม สส.ชุมพร จะไปทานข้าวกัน ซึ่งนายอนุทินถามว่าอยู่ที่ไหน และขออนุญาตมาร่วมพูดคุยด้วย

ส่วนเรื่องที่มีหารือในวงทานข้าว นายชุมพล จุลใส พร้อมด้วยกลุ่ม สส.ที่ไปร่วมทานข้าว เปิดเผยว่า อยากไปทำงานร่วมกับทางพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนไม่ขัดข้องอะไร โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ส่งต่อให้นายอนุทินเรียบร้อยแล้ว และก็ขอให้พรรคภูมิใจไทยดูแล สส.ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ในวงทานข้าว นายอนุทินได้ทาบทามไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ก็คุยกัน เพราะนายอนุทินมาคุยอย่างเปิดเผย

หากผมจะทำงานการเมืองต่อ พรรคภูมิใจไทยเป็นอีกทางเลือก เพราะจุดยืนไม่ต่างกัน แต่รายละเอียดการทำงาน ต้องให้โอกาสผมพิจารณาตัดสินใจก่อน เพราะผมไม่เคยทำอย่างอื่น นอกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ

"วันนี้ยังเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ยืนยันยังไม่ไปไหน เป็นเพียงการลาออกจากกรรมการบริหารพรรค แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ทั้งหมด ผมอาจจะหยุด และไปทำอย่างอื่นก็ได้ เพราะใช้ชีวิตด้านการเมืองมากกว่า 20 ปี ถ้าเบื่อก็อาจจะไปทำอย่างอื่น"

"ขณะนี้มีภาคเอกชนทาบทามมาเยอะ ตอนนี้ทางเลือกยังมีอีกหลายทาง และพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ อยากให้รอฟัง เพราะว่าเป็นพรรคเดิมที่ผมเคยอยู่มาก่อน ยังมีความรักและความผูกพัน" นายเอกนัฏ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ถึงจุดแตกหัก อวสานของพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้คิดเช่นนั้น ย้ำว่ายังรักพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ด้วยความปรารถนาดีจริงๆ ตนอยากให้มีพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ไม่อยากให้มองว่าจะทำให้พรรคแตก

การที่ตนออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยเสียงของกรรมการบริหารพรรคที่แตกออกเป็น 2 ข้าง ดังนั้นตนคิดว่า ทำให้ตรงไปตรงมา เจตนาไม่อยากให้พรรคแตก แต่ในพื้นที่ วันนี้มีความชัดเจนว่า 4-5 เดือนจะถึงกำหนดการเลือกตั้งใหม่ ทุกทีมก็มีอิสระที่จะตัดสินใจ ว่าจะไปที่ไหน เราไม่ได้ปิดกั้น

ตนยังรักและผูกพันกับพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ พูดตามตรงเป็นไปได้ไม่ได้อยากไปไหนเลย แม้ว่าวันนี้จะออกจากกรรมการบริหารพรรค ยังไม่ได้อยากไปไหน ขอเวลาตัดสินใจหน่อย 

เมื่อถามถึงจุดที่ทำให้พรรคแตกหัก มาจากการโหวตนายกรัฐมนตรี นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยากพูดให้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน เอาเป็นว่า ไม่มีฝั่งไหนที่คิดผิด หรือถูกในทางการเมือง แต่มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน  

"ส่วนหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค คิดว่าควรจะงดออกเสียง แต่ตนคิดว่าในสถานการณ์บ้านเมืองที่ยุบสภาก็ไม่ได้ แล้วต้องเลือกซ้ายหรือขวานั้น ต้องไปทางใดทางหนึ่ง จึงโหวตให้นายอนุทิน แต่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล และไม่มีการไปต่อรองเรื่องตำแหน่ง"

"ในกรรมการบริหารพรรคมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่บางครั้งเวลาที่มีจุดยืนทางการเมืองที่มีความสำคัญ และมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน คงจะไม่เป็นผลดี ผมคิดว่าคนใดคนหนึ่งต้องไขก๊อก หากไม่มีใครออก ผมก็ยินดีที่จะออก ไม่ได้ติดอะไร" นายเอกนัฏ กล่าว

เมื่อถามถึง โผครม.ที่มีสส.บางส่วนของ รสทช.ไปร่วมเป็นรัฐมนตรีด้วย นายเอกนัฏ ปฏิเสธที่จะวิจารณ์ โดยระบุแค่ว่า วันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ ส่วนหนึ่งคือเรื่องกฎหมายที่ค้างอยู่ และการตรวจสอบรัฐบาล ในฐานะสส. หากมีการตั้งคนที่ไม่มีคุณสมบัติ หรือคุณสมบัติไม่พร้อม เราเต็มที่แน่นอน ไม่มีคำว่าเกรงใจใคร ตนทำหน้าที่เหมือนเดิม ในฐานะสส.คนหนึ่ง

เมื่อถามว่า หากผู้ที่มีรายชื่อไปร่วมเป็นรัฐมนตรีไม่ผ่าน และมีการทาบทามพร้อมที่จะไปเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า “เหนื่อยแล้วครับ ผมพูดจริงๆ ว่า อีกแค่ 4 เดือน ก็จะไปเลือกตั้ง สำหรับผมที่คิดอยู่ คือการมองข้ามไปช็อตการเลือกตั้งว่า เราจะขับเคลื่อนงานการเมืองอย่างไร ให้เป็นที่พอใจของประชาชน และ 1 ปีที่ผ่านมา กับการเป็นรัฐมนตรี ผมพอใจแล้ว หากคิดว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่อเรื่อยๆ เป็นรัฐมนตรีตลอดปี ตลอดชาติ เป็นไปไม่ได้ ผมได้ทำแล้วหลายเรื่อง ผมไม่คิดว่า หากมีโอกาสกลับไปเป็นรัฐมนตรี ผมพอใจแล้วกลับ 1 ปีที่ผมทำ และจะทำหน้าที่ สส.ให้ดีที่สุด” อดีตเลขาฯ รทสช.ระบุ