ผบ.ตร. สั่ง ตรวจสอบบัญชีม้า เร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ภายในครึ่งวัน

ผบ.ตร. สั่ง ตรวจสอบบัญชีม้า เร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ภายในครึ่งวัน

ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบบัญชีม้า เร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ภายในครึ่งวัน โดยจะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก ยันไม่ใช่การผลักภาระให้ประชาชน

วันที่ 16 ก.ย.68 ที่ศูนย์ปฎิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เรียกประชุมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยว เพื่อช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน กรณีมีประชาชนได้รับผลกระทบ จากการอายัดบัญชีหรือระงับธุรกรรมทางการเงิน ที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เบื้องต้นให้ใช้คำว่าระงับบัญชีเฉพาะก้อนเงินที่พบความเกี่ยวข้องกับบัญชีผู้กระทำผิด ไม่ใช่การอายัดทั้งบัญชี แต่เป็นการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจะให้ผู้บริสุทธิ์ยืนยันหรือแสดงตัวใน 4 ประการ

1.ชื่อนามสกุล 2.เลขบัตรประชาชน 3.เลขบัญชีธนาคาร และ 4.ธนาคารที่เจ้าของบัญชีใช้ หากยืนยันและตรวจสอบพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ก็จะปลดล็อกให้ภายในครึ่งวัน โดยจะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก ขั้นตอนผู้เสียหายอยู่ในพื้นที่ใดก็ตาม สามารถแจ้งเหตุในพื้นที่นั้นๆ ได้ทันที ซึ่งไม่ใช่การผลักภาระให้ประชาชน เป็นเพียงแค่การยืนยันตัวตน เพื่อความบริสุทธิ์กับทุกฝ่าย

โดยกระบวนการทั้งหมดพนักงานสอบสวน จะเร่งรัดประสานกับศูนย์ PCT ก่อนรวบรวมส่งไปให้ทาง AOC ที่เป็นศูนย์ใหญ่จัดการกับเรื่องนี้ โดยยึดการบริหารงานที่ตำรวจเคยมีประสบการณ์ในคดีใหญ่ๆ มาแล้ว กระบวนการทั้งหมดจะต้องรวดเร็วที่สุด และมาตรการนี้สามารถลดภาระให้กับ AOC ที่คู่สายปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อการรองรับกับผู้เสียหาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะกำชับไปที่ 191 และ 1559 ให้ช่วยรองรับในการแก้ปัญหาให้กับผู้เสียหายที่เกิดขึ้นในขณะนี้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า กระบวนการนี้ ยอมรับว่ามีการเรียกร้องจากพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ในเรื่องของภาระสำนวนที่มากขึ้น เรื่องดังกล่าวเป็นการบริหารภายในองค์กร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนที่ต้องพบกับอาชญากรรมรูปแบบที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการบริหารจะต้องเปลี่ยนตามหรือเพิ่มจำนวนพนักงานสอบสวนให้มากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ส่วนที่มีกระแสสังคมเรียกร้องว่ากระบวนการดังกล่าว จะทำให้มิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ในการฟอกตัว หรือสร้างปัญหาให้กับประชาชนในหลายรูปแบบนั้น ตำรวจจะนำมาตรการเหล่านี้เข้ามาควบคุม เพื่อปิดกั้นไม่ให้เกิดช่องว่างสำหรับมิจฉาชีพ ซึ่งจากการคัดกรอง 2 วันที่ผ่านมา พบว่ามีการแจ้งความประมาณ 1,300 คู่สาย ตรวจสอบยืนยันความบริสุทธิ์ได้ 300 สาย ยืนยันไม่ได้ 1,000 สาย และจัดการปลดล็อกแล้ว 30 ราย

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าตำรวจเรียกรับผลประโยชน์ในการปลดล็อคบัญชีกับผู้เสียหาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า หากมีหลักฐานให้ส่งข้อมูลมาให้ แล้วจะตรวจสอบว่าการเสียเงินนั้นเป็นไปตามกฎหมายหรือตามข้อบังคับหรือไม่ แต่หากไม่มีกฎหมายรองรับก็จะดำเนินการอย่างไม่ละเว้น