‘น้ำเงิน’ โอ๋ ‘ส้ม’นั่งร้าน ‘ภูมิใจไทย’ซุ่มจัดทัพเลือกตั้ง 69

‘น้ำเงิน’ โอ๋ ‘ส้ม’นั่งร้าน ‘ภูมิใจไทย’ซุ่มจัดทัพเลือกตั้ง 69

ระหว่างนี้ภูมิใจไทย และองคาพยพ รู้ดีว่าต้องประคองตัวเองให้ดี ยอมเป็นเด็กในคาถาภายใต้เงื่อนไข MOA ของพรรคประชาชน ขืนไปทำอะไรผิดพลาด เป็นที่ไม่พอใจขึ้นมา พรรคส้มอาจรื้อนั่งร้านจนตกม้าตาย ผ่านเกมซักฟอกในช่วง 4 เดือนนี้ก็ได้ เพื่อไทยก็รอขย้ำอยู่แล้ว

KEY

POINTS

  • พรรคภูมิใจไทย กำลังใช้ช่วงเวลาที่เป็นรัฐบาลชั่วคราว จัดทัพ วางยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ปี69
  • สีน้ำเงินกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดบิ๊กเนมการเมือง กลุ่มทุน เข้ามาไม่น้อย
  • แต่ระหว่างนี้ต้องประคองความสัมพันธ์กับพรรคประชาชน ให้ดี เพื่อไม่ให้ถูกโค่นผ่านเกมซักฟอก

รัฐบาลชั่วคราวภายใต้การนำของอนุทิน ชาญวีรกูล ที่กำลังจะขึ้นมามีอำนาจเต็มตัว หลังพลิกขั้วจากเพื่อไทยสำเร็จ แม้ภารกิจสำคัญคือ ประชามติแก้รัฐธรรมนูญ และยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ในปี 69 ตามเงื่อนไข MOA พรรคประชาชน

ระยะเวลา 4 เดือน ของรัฐบาลอนุทิน จะว่าสั้นเกินไปก็พูดได้ จนสามารถใช้เป็นข้ออ้าง เรื่องเงื่อนเวลาที่น้อยนิด จนไม่สามารถลงมือแก้ปัญหาหลายอย่าง ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม

ถ้ามองในทางการเมือง 4 เดือนนับจากนี้ ก็ถือว่ามากพอที่พรรคแกนนำรัฐบาลใหม่ จะใช้จังหวะเวลานี้ เตรียมการวางคน วางยุทธศาสตร์สู้เลือกตั้ง เป็นช่วงน้ำขึ้น นอกจากได้ทำงานแล้ว ยังเสมือนได้หาเสียงไปในตัว

โครงการอะไรที่เริ่มต้น ทำค้างไว้ พอถึงเวลาปี่กลองดัง ก็เอามาใช้ประโยชน์ เรียกคะแนนเสียงได้อีก ทำนองว่า ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ จูงใจชาวบ้าน ถ้าอยากได้รับในสิ่งที่เคยได้ต่อไป ต้องเลือกเรา

พรรคสีน้ำเงิน ภูมิใจไทย ชั่วโมงนี้เลยตีปีก โมเมนตั้มไหลเข้าทาง เป็นแม่เหล็กดึงดูดบรรดานักการเมือง กลุ่มทุนเจ้าสำคัญ ให้เข้ามาร่วมลงทุนลงแรง

กระแสสีน้ำเงินในสายตาของนักเลือกตั้งจำนวนหนึ่ง ทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก หากจะย้ายพรรคเข้ามาร่วมสังฆกรรม เนื่องจากประเมินแล้วว่า ภูมิใจไทยในการเลือกตั้งปี 69 มีโอกาสสูงที่จะเป็นหัวหอกในปีกอนุรักษนิยม รุกกินพื้นที่เพื่อไทย และสู้กับพรรคประชาชน เป็นหลัก

ปัจจัยสำคัญที่ส่งให้ภูมิใจไทย สปอตไลต์สาดส่อง เป็นเพราะคอนเน็กชันระดับเทพของอนุทิน ชาญวีรกูล จนมีการตั้งข้อเกตถึงขั้นว่าบารมีวันนี้พุ่งปรี๊ด จนอาจแซงหน้าเนวิน ชิดชอบ ไปแล้ว

เงื่อนไขตรงนี้ ถือเป็นจุดสำคัญที่ส่งให้นักเลือกตั้งตัดสินใจง่ายขึ้น ในการซบภูมิใจไทย เห็นรายชื่อบิ๊กเนมหลายคน รวมถึงอีกหลายกลุ่มก๊วน ต่อแถวสมัครเข้าสวมเสื้อสีน้ำเงินกันเป็นแถว รอแค่เวลาเปิดตัวเท่านั้น และอีกหลายคนอยู่ระหว่างการดีล

พรรคใหม่ของนายทุนใหญ่ ที่เคยสนับสนุน 2-3 รัฐบาลก่อน ก็ส่อแววพับแผน เก็บเข้าลิ้นชัก ไหลไปรวมน้ำเงิน ซึ่งอาจมีเหตุผลมากว่า แค่ 4 เดือน เวลาน้อยจนทำพรรคไม่ทัน เมื่อคีย์แมนตัวหลัก และกลุ่มก๊วนมีสัญญาใจกับอนุทินเรียบร้อย ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะเข้ามาอยู่สู้ศึกด้วยกัน

นอกเหนือจากสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำกลุ่มเพชรบูรณ์ ที่เคยมีแผนทำพรรคตัวเอง ก็ต้องหยุดไว้ก่อน ควงนายกฯ ด๊อยซ์ อัครเดช ทองใจสด นายกฯ อบจ.เพชรบูรณ์ เข้าออกที่ทำการพรรคภูมิใจไทยเป็นว่าเล่น ก๊วนนี้ชัดเจน ใจไปแล้วเรียบร้อย

แนวโน้มในอนาคต ภูมิใจไทยมีโอกาสโตขึ้น ด้วยขุนพลน้อยใหญ่จากทุกสารทิศ ที่จะอยู่รวมในถ้ำเดียวกัน ที่ผ่านมาการบริหารจัดการการเมืองส่วนใหญ่ขึ้นตรงกับครูใหญ่ ต่อไปจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือเจอความท้าทายใหม่ แบบที่ไม่เคยเจอหรือไม่ เพราะดีเอ็นเอคนมาใหม่ ต่างกับดีเอ็นเอสีน้ำเงินค่อนข้างชัด

ทว่า จุดแข็งหนึ่งของสีน้ำเงิน ในการสู้เลือกตั้งใหญ่ คือ ขึ้นตรงคนคนเดียว มีโจทย์และเกณฑ์ชี้วัดผลสำเร็จเป็นตัวเลขชัดเจน ผู้สมัครแต่ละคนมีหน้าที่ทำตามเงื่อนไขที่ได้รับมอบหมาย หากถึงจุดที่พอลุ้นได้ คลังแสงถึงเปิดให้เอาไปสู้ แต่ถ้าใครทำได้ไม่ถึงที่ตกลง ก็ไม่ปล่อยของให้เอาไปละลายแม่น้ำ

ระหว่างนี้ภูมิใจไทย และองคาพยพ รู้ดีว่าต้องประคองตัวเองให้ดี ยอมเป็นเด็กในคาถาภายใต้เงื่อนไข MOA ของพรรคประชาชน ขืนไปทำอะไรผิดพลาด เป็นที่ไม่พอใจขึ้นมา พรรคส้มอาจรื้อนั่งร้านจนตกม้าตาย ผ่านเกมซักฟอกในช่วง 4 เดือนนี้ก็ได้ เพื่อไทยก็รอขย้ำอยู่แล้ว 

ถ้าซุ้มน้ำเงินผ่านตรงนี้ไปได้ กระทั่งรอบหน้ากลับมาผงาดมากกว่านี้ ต้องไปลืมบุญคุญพรรคส้ม ที่เป็นแรงส่งสำคัญ ปลดล็อกให้อนุทิน ถึงจุดหมายสำคัญในชีวิต