ถอดสมการศึก ‘สามก๊ก’ 69 ‘รัฐบาลภูมิใจไทย’ ภาค 2 กวาด สส.100 อัป

ผูัอำนวยการนิด้าโพล อ่านฉากทัศน์กระแสหลังเลือกตั้ง ค่ายพรรคสีน้ำเงิน มีโอกาสกวาด สส. 100 อัป ส่วนพรรคประชาชนจะกวาดคะแนนกระแส ขณะที่เพื่อไทยร่วง พรรคไซส์กลาง
KEY
POINTS
- ผลสำรวจนิด้าโพลชี้วัดคะแนนนิยม ใน 2 ไตรมาสพรรคเพื่อไทยและแพทองธาร ชินวัตร มีคะแนนดิ่งลง สวนทางกับพรรคภูมิใจไทยและอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
- "อนุทิน ชาญวีรกูล" อาจชิงยุบสภาก่อนกำหนดเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ปมร้อนสำคัญทำให้ค่ายน้ำเงิน-ค่ายส้ม ไปด้วยกันไม่ได้ คือ รัฐธรรมนูญ
- ผอ.นิด้าโพล คาดการณ์การเลือกตั้งปี 2569 จะเป็นการต่อสู้ของ 3 ก๊กคือ พรรคภูมิใจไทย-พรรคประชาชน-พรรคเพื่อไทย จับตาพรรคการเมืองใหม่ ก๊กที่ 4 แย่งแต้ม 3 พรรค
- ตระกูลชินวัตร - แพทองธาร ต้องถอยออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดึงคนนอกนำพรรคฟื้นภาพบอบช้ำ
- ชั่วโมงนี้ "เนวิน ชิดชอบ" เหนือกว่า "ทักษิณ-ธนาธร" วางหมากอ่านเกม ต่อยอด "อนุทิน" นายกฯ อีก 4 ปี
ผลชี้วัดคะแนนนิยมในตัวผู้นำพรรคการเมืองและพรรคการเมืองในห้วงครึ่งปีที่ผ่านมาของปี 2568 ซึ่งศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เคยชี้วัดความนิยมตัวบุคคลทางการเมืองมีความน่าสนใจไม่น้อย สอดรับกับสถานการณ์การเมืองไทยที่พลิกผันในช่วงเดือน ก.ย. 2568
เมื่อพรรคเพื่อไทย “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกลับมีคะแนนิยมที่ดิ่งลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการตัดสินใจอ่านเกมที่ผิดพลาดในการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยกลับมีคะแนนนิยมที่พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ ทั้งที่เป็นพรรคมีที่บาดแผลในเรื่องคดีเขากระโดงและคดีฮั้ว สว.ซึ่งมีคีย์แมนและผู้บริหารของพรรคตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา
พรรคสีน้ำเงินในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อย 146 เสียง ได้แรงผลักดันจากพรรคประชาชนในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน 143 เสียงคอยอุ้มชูให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32
“นิด้าโพล”เผยผลสำรวจรายไตรมาสครั้งที่ 2/2568 เมื่อสิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา กรณีประชาชนจะสนับสนุนใครให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 31 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 19.88 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 12.72 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 4 ร้อยละ 9.64 อนุทิน ชาญวีรกูล อันดับ 5 ร้อยละ 9.2 แพทองธาร ชินวัตร
ส่วนผลคะแนนนิยมในห้วงไตรมาสที่1/2568 กระแสของพรรคเพื่อไทยยังติดลมบนโดยอันดับ 1 ร้อยละ 30.9 แพทองธาร อันดับ 2 ร้อยละ 25.80 ณัฐพงษ์ จากพรรคประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 23.7 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ขณะที่ “อนุทิน” ติดอันดับ 6 ร้อยละ 2.85
ขณะที่พรรคการเมืองที่มีคะแนนนิยมในไตรมาส 2 มาเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 46.08 พรรคประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 13.24 พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 3 ร้อยละ 11.52 พรรคเพื่อไทย อันดับ 4 ร้อยละ 9.76 พรรคภูมิใจไทย
ส่วนไตรมาสแรก อันดับ1 พรรคประชาชน ร้อยละ 37.1 อันดับ 2 ร้อยละ 28.05 พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 13.75 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 5 ร้อยละ 3.65 พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 3.35 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย
ภายหลังที่ “อนุทิน” ได้รับตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารอย่างเป็นทางการ และกำลังอยู่ในช่วงจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่ผสมด้วยคนนอกและคนการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาล
ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) วิเคราะห์กระแสความนิยมพรรคการเมืองและตัวผู้นำพรรคการเมืองในวันนี้ภายหลังพรรคภูมิใจไทยครองอำนาจฝ่ายบริหารโดยมีสัญญาประชาคมว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือน พร้อมผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญตาม MOA ของพรรคประชาชน
“ความเชื่อผมเอง ถ้าคุณอนุทิน ไม่เดินสะดุดใน 4-5 เดือนนี้ก่อนการเลือกตั้ง คุณอนุทินจะกลับมาเป็นนายกฯ ครั้งที่ 2” ผอ.นิด้าโพล ระบุ
ระวัง ภท.หักพรรคส้มชิงยุบสภา
ทว่า สิ่งที่น่ากังวลต่อสถานการณ์หลังจากนี้ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องทำประชามติ 3 ครั้งและการดำเนินการจัดตั้งองค์กรที่ร่างโดยตรงจากประชาชนไม่สามารถทำได้ คือพรรคสีน้ำเงินและพรรคสีส้มที่มีดีเอ็นเอและจุดยืนต่างกัน
"มันเหมือนเลือดคนละกรุ๊ป เอามารวมกัน (พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน)เดี๋ยวสักวันมันจะป่วน แล้วตัวทำให้ป่วนคือ ตัวรัฐธรรมนูญ”
ข้ออ้างในการฉีกสัตยาบันแก้ไขรัฐธรรมนูญ สามารถเกิดขึ้นได้ ภายใต้บริบทที่พรรคภูมิใจไทยถูกพรรคประชาชนเร่งกดดัน
“ไอ้ที่เขียนสัตยาบันไว้ ก็แล้วกันไปแล้วกัน ถูกฉีก คือไม่ประกาศฉีกกันตรงๆ คุณอนุทินอาจจะใช้วิธีการ ถ้าคุณอนุทินคิดว่าไม่สามารถรวบรวมเสียง จากสีแดง (พรรคเพื่อไทย) ที่เป็นงูเห่าจนเป็นเสียงข้างมากได้ ก็มีอยู่ทางเดียวอ้างเรื่องของ การคุยกันไม่รู้เรื่องกับสีส้ม จึงจำเป็นต้องยุบสภาให้ประชาชนตัดสินว่า จะเอาแบบไหน”
3 ปัจจัย 'อนุทิน' ชิงยุบสภา
ผศ.ดร.สุวิชา ชี้ว่า เงื่อนไขที่ “อนุทิน” จะใช้อำนาจยุบสภาจะเกิดขึ้นได้ภายใต้บริบทที่พรรคภูมิใจไทยมีคะแนนนิยมที่พุ่งขึ้น ซึ่งจะมาจาก 1.นโยบายคนละครึ่งเฟสใหม่ 2.แก้ไขปัญหาชายแดน ถ้าได้ฝ่ายไทยได้เปรียบกว่าฝ่ายกัมพูชา หรือเกือบชนะแบบเบ็ดเสร็จ และ 3. ยุบสภาไม่ให้พรรคการเมืองใหม่ หรือก๊กที่ 4 ตั้งตัวทัน
3 จังหวะนี้คือ โอกาสยุบสภาของนายกฯ อนุทิน โดยไม่จำเป็นต้องรอถึง 4 เดือน และไม่ต้องทำตามคำขู่ของก๊กสีส้ม
ผอ.นิด้าโพลมองว่า พรรคประชาชนมองเกมครั้งนี้แล้วว่า ตัวเองไม่มีเสีย แม้จะเหมือนถูกต้มก็ตาม
“เหมือนพรรคประชาชนโดนต้ม แต่เต็มใจให้หลอก รู้ว่าเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก เพราะสีส้มต้องการการเลือกตั้ง เขาต้องการการแก้มือ เขาต้องการได้คะแนนมากกว่านี้ เขาเชื่อว่าการเลือกตั้งนำพาเขาไปได้ ถ้าเกิดสีน้ำเงินเดินตามเกมเขา เขาก็ชนะอีก ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่เขาต้องการ ถ้าสมมติคุณอนุทินไปฉีกสัตยาบัน สีส้มก็อ้างอีก ฉีกสัตยาบัน เขาไม่มีอะไรจะเสีย”
ส่วนคะแนนนิยมทางการเมืองที่ “นิด้าโพล” เคยสำรวจถึง 2 ไตรมาสก่อนหน้านี้ ผอ.นิด้าโพล ระบุว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย คะแนนหล่นลงเยอะมาก หลังมีปรากฏการณ์คลิปเสียงของ อดีตนายกฯ อิ๊งค์ กับสมเด็จ ฮุน เซน คะแนนพรรคเพื่อไทยเหลือร้อยละ 11 จากร้อยละ 28 ส่วนตัวแพทองธาร จากร้อยละ 31 เหลือ เพียงร้อยละ 9 ขณะที่พรรคภูมิใจไทยกลับมีคะแนนที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3 ขึ้นมาร้อยละ 9 ซึ่งเป็นผลจากการที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากรัฐบาลในช่วงที่เกิดกรณีคลิปเสียง
ผอ.นิด้าโพล จึงเชื่อว่าผลสำรวจไตรมาสที่ 3 ในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ พรรคภูมิใจไทยจะมีคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งมาจากการจัดตั้งรัฐมนตรีจากคนนอก ทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง
“ถ้าคุณอนุทิน ตัดสินใจใน 3 กระทรวงหลัก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงยุติธรรม ไม่ให้คนของพรรคภูมิใจไทย ไปถือครอง ผมว่าจะได้คะแนนยิ่งกว่านี้ คนจะรู้สึกว่า คุณอนุทิน ปล่อยให้คดีความเหล่านี้ มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามกฎหมาย ไม่เข้าไปก้าวก่าย ถ้าทำอย่างนี้ คนจะรู้สึกว่าดีมาก”
ศึก 3 ก๊ก ภท. 100 อัป จับตาก๊ก 4
อย่างไรก็ตาม หากมองไปถึงสถานการณ์การเมืองในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2569 ภายหลังยุบสภา “ผอ.นิด้าโพล”ยังเชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยจะมี สส.ไม่ต่ำกว่าหลักร้อยเสียง ส่วนพรรคเพื่อไทยจะมี สส.ไม่เกิน 60 เสียง ขณะที่พรรคประชาชนจะมี สส.ได้ระดับ 150 เสียงเท่าเดิม แต่พรรคประชาชนจะยังเป็นพรรคที่มี สส.บัญชีรายชื่อ มาเป็นอันดับ 1 ส่วน สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชนจะกวาดยกกรุงเทพฯ 33 เขต พรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์ สส.ในกรุงเทพฯ
การคาดการณ์ครั้งนี้ของ ผอ.นิด้าโพล ทำให้ถูกมองว่าอาจเป็นไปได้ เพราะเมื่อครั้งผลสำรวจในห้วงปิดหีบลงคะแนนเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค. 2566 นิด้าโพลเป็นสำนักโพลที่มีความแม่นยำเคยชี้ว่า พรรคก้าวไกลได้ สส.กทม. 32 เขต และ พรรคเพื่อไทยได้เพียง 1 เขต จาก ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์
“การเลือกตั้งมันก็จะเป็น 3 ก๊ก แต่ให้รอดูว่าจะมีก๊กที่ 4 หรือไม่ ก๊กที่เป็นกลุ่มผสมระหว่างเสรีนิยมและอนุรักษนิยม แต่ถ้าพรรคเกิดใหม่ไม่ปัง มันก็จะมี 3 ก๊กเหมือนเดิม”
ผอ.นิด้าโพล ระบุว่า ก๊กที่ 4 อาจจะเป็นก๊กใหม่ พรรคการเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นมารวบรวมสรรพกำลังได้ มาแย่งชิงอำนาจทางการเมืองไปได้จำนวนหนึ่ง อาจจะเป็นพรรคที่มีส่วนผสมคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า มีทั้งอาศัยกระแส อาศัยบ้านใหญ่ อาศัยมืออาชีพ รวมอยู่ด้วยกันในพรรค ซึ่งสามารถดึงคะแนนออกมาจากพรรคประชาชนได้ ดึงคะแนนออกจากกลุ่มสีแดงได้ ดึงคะแนนจากกลุ่มรวมไทยสร้างชาติ จากภูมิใจไทยและพรรคอื่นๆ ได้ ถ้ามีพรรคนี้ขึ้นมา ตนบอกได้ว่าการเมืองไทยคราวหน้า ไม่ใช่ 3 ก๊กแล้ว เป็น 4 ก๊ก แล้ว
“อิ๊งค์-ชินวัตร”ต้องถอยอยู่หลังฉาก
สำหรับโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น ผศ.ดร.สุวิชา ระบุว่า ยากมาก แต่เบื้องต้นจะต้องดูกระแสของอนุทินภายใน 4-5 เดือนนับจากนี้ก่อน แต่ผู้สมัคร สส.ของพรรคเพื่อไทยจะหาเสียงยากมาก ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่กระทบ
“ผมเชื่อว่าระหว่างการหาเสียงคู่แข่งจะเอาคลิปเสียงอดีตนายกฯ อิ๊งค์ คุยกับฮุน เซน มาเปิด แล้วดีไม่ดี ปิดท้ายด้วยคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ แค่นี้ก็หาเสียงลำบากแล้วครับสำหรับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย สส.และตัวผู้สมัครจะลงพื้นที่ตอบคำถามประชาชน อย่าลืมคะแนน ณ วันนี้จะอยู่ที่ชายแดน คือเรื่องของชาตินิยม คนไทยมากกว่า 95% เป็นชาตินิยม แต่ชาตินิยมไปทับพรรคเพื่อไทยซะแบนเลย สส.พรรคเพื่อไทยจะรู้ตัวดีว่าหาเสียงยากมาก”
“จริงๆ คุณอิ๊งค์ ควรต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้แล้ว หาคนอื่นเข้ามาเป็นแทน มีคนบอกไม่ได้ อย่าเปลี่ยนม้ากลางศึก ม้ามันไปไม่ไหวแล้วไม่เปลี่ยนได้ไง อาจจะถอยอยู่เบื้องหลังเป็นที่ปรึกษาก็ได้ หาคนที่คิดว่าขายได้มานั่งแทน มันเดินไม่ออกแล้วพรรคเพื่อไทย”
สถานการณ์เรตติ้งค่ายแดงชั่วโมงนี้ทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” จึงต้องทำทุกอย่างในห้วงที่ตัวเองถูกจำคุก 1 ปีคือต้องดึงบ้านใหญ่ให้อยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไปให้ได้ และขณะนี้คนชินวัตรยังจำเป็นที่จะต้องกำกับทิศทางของพรรคเพื่อไทยต่อไป
ผอ.นิด้าโพล มองทางฟื้นคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยว่า ตระกูลชินวัตร ควรที่จะอยู่เบื้องหลังได้แล้วเพราะการนำพรรคเพื่อไทยโดยอดีตนายกฯ แพทองธาร นั้นนำไม่ได้ ดังนั้น แพทองธารต้องถอยออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
“เปลี่ยนหัว เพื่อให้ภาพมันดีขึ้น อาจจะเอาคนนนอกตระกูลชินวัตรมานำพรรค แต่คำถามว่าใครจะเข้ามาในขณะที่พรรคกำลังเป็นเรือกำลังล่ม มีรอยรั่วเยอะแยะเต็มไปหมด ใครจะกล้าเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่แน่นอนสักวันจะมีคนกล้าเข้ามา” ผอ.นิด้าโพล ระบุ
เปิด 3 สูตรตั้งรัฐบาลปี 69
สมการการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งในปี 2569 จำลองภาพแล้วในกรณีการเมืองไทยยังเผชิญกับ “ 3 ก๊ก” ไม่มีก๊กที่ 4
1.พรรคภูมิใจไทยจะจับกับพรรคเล็กๆ ทั้งหมด แล้วก็บวกกับพรรคเพื่อไทยเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐบาลแบบเดิมแต่เป็นสมการกลับหัว จากที่เดิมพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ แต่พรรคสีน้ำเงินรอบนี้ใหญ่ โดยรอบนี้ค่ายแดงจะต่อรองเอาเก้าอี้ในกระทรวงสำคัญแทน
2.ถ้าพรรคประชาชนคุยกับสีน้ำเงินได้ อาจจะจัดตั้งรัฐบาลโดยมีสีส้มหรือสีน้ำเงินเป็นแกนนำแล้วร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล
3.เกิดยากมาก คือพรรคประชาชนจับมือกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล แต่คะแนนสองพรรคนี้จะไม่ถึงเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ
“สมมติ สีส้มได้ 150 เท่าเดิม บวกสีแดงได้ 60 เสียง รวม 210 เสียง มันไม่พอต้องไปพรรคเล็กๆ ใส่เข้ามาอีก มันจัดตั้งรัฐบาลได้ยากมาก อย่างเก่งพรรคสีส้มจะได้เท่าเดิมคือ 150กว่าเสียง เพราะยุคที่บูมสุดขีดได้ผ่านไปแล้วคือยุคที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค”
หากพรรคประชาชนพลาดท่าให้กับบ้านใหญ่ในเขตเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ก็หมายถึง สส.เขตจะลดลงด้วย และเป็นไปได้ที่อาจถูกพรรคภูมิใจไทยแซงได้ เพราะขณะนี้บ้านใหญ่เขารู้วิธีการเอาชนะกระแสของพรรคสีส้มในเขตเมืองได้แล้ว แต่ยกเว้นในกรุงเทพมหานครที่กระแสจะยังเป็นของพรรคประชาชนที่จะกวาดหมด
ผอ.นิด้าโพล ฟันธงว่าหากมีการเลือกตั้ง ณ วันนี้ พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่บอบช้ำที่สุด และเสี่ยงที่จะถูกพรรคอื่นๆรุมกินโต๊ะตัดแต้ม องค์ประกอบสรรพกำลังของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเหลือ คนที่มีดีเอ็นเออยู่ 3 ประเภท
1.คนที่จงรักภักดีต่อคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ไปไหน จะอยู่ต่อ 2.พวกกลุ่มคนไม่มีที่จะไป อาศัย สส.บัญชีรายชื่อเข้ามาเล็กน้อย 3.กลุ่มบ้านใหญ่ ปลอดภัย กลุ่มที่ว่าต่อให้ลงพรรคเพื่อไทยยังไงก็ได้เป็น สส. ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
“หากเป็นคนตระกูลชินวัตร จะไม่สามารถใช้หาเสียงได้อีกแล้ว และจำเป็นต้องฟื้นฟูไปก่อนแล้วรองวดหน้าในการเลือกตั้งใหม่ช่วงปี 2572 ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไว”
ผอ.นิด้าโพล ยังมองว่า 1.คุณทักษิณ หยุดก่อน ห้ามเคลื่อนไหว 2. ทำแต้มในฐานะฝ่ายค้าน 3.เปลี่ยนหัวหน้าพรรคทันที
'อนุทิน' หวั่นส้มหัก ยุบสภาก่อนซักฟอก
ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ อนุทินนั้น หากพรรคเพื่อไทยยื่นญัตติก็เชื่อว่าได้ นายอนุทิน อาจจะชิงยุบสภาก่อนมีการยื่นญัตติภายใต้บริบทที่พรรคประชาชนไม่โหวตให้ เกมนี้พรรคประชาชนจะถูกบีบ เพราะพรรคสีส้มก็อยากเลือกตั้ง แต่หากไม่ยุบสภา เป็นไปได้ที่พรรคภูมิใจไทยจะเตรียมงูเห่าไว้เยอะ ซึ่งส่วนใหญ่อาจเป็นงูเห่าสีแดงและต้องมีงูเห่าสีแดงไม่ต่ำกว่า 50 เสียง
อย่างไรก็ตาม ให้จับตาสถานการณ์การอุ้มรัฐบาลของพรรคประชาชนนับจากนี้ไว้ เพราะในไม่ช้าอีก 2 เดือนจะได้เห็นเค้าลางความขัดแย้งของ 2 ก๊กนี้
ส่วนโอกาสที่พรรคภูมิใจไทย จะชิงการนำ เป็นพรรคเบอร์ 1 ในแต้มกระแสของปีกอนุรักษนิยมได้หรือไม่ “ผอ.นิด้าโพล” ยอมรับว่า พรรคสีน้ำเงินกำลังพยายามจะชิงเบอร์ 1 อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่สีเหลืองอ่อนแรง ซึ่งพรรคสีน้ำเงินพร้อมอยู่แล้ว
วัดกระแสความนิยม ประเมินความโดดเด่นเขี้ยวลากดินเก๋าเกมทางการเมืองของ 3 ผู้นำจิตวิญญาณพรรค ผอ.นิด้าโพล ยกนิ้วโป้งให้ “เนวิน ชิดชอบ”ครูใหญ่แห่งค่ายภูมิใจไทย คือเบอร์ 1 สุดล้ำลึกทุกอย่าง ทั้งการวางแผน การวางตัว เดินหมาก เดินเกม ครูใหญ่เป๊ะสุด
“ส่วนคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในเชิงประสบการณ์ อาจสู้คุณทักษิณไม่ได้ แต่ปัญหาคุณทักษิณ คือประสบการณ์ของแก เป็นประสบการณ์ยุคโบราณ สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่กลับไปใช้วิธีแบบเก่า ๆ มันใช้ไม่ได้แล้ว คุณธนาธร ก็เผชิญปัญหาว่า คิดแบบใหม่ แต่ยังคงติดกับดักเก่าๆ เต็มไปหมดเลย”
บทสรุปนาทีนี้ หากไม่เกิดการเมืองขั้วก๊กที่ 4 เกิดขึ้นในสมรภูมิเลือกตั้ง 2569 แล้ว แม้จะมีคนพูดว่าเกมทั้งหมดนาทีนี้ “ส้มพ่าย แดงแพ้” แต่ “เนวิน” ดังนั้น จึงอย่าประมาทครูใหญ่ ที่ไม่สนใจเรื่องการเมือง มุ่งแต่เกมฟุตบอล แต่ทั้งวัน “เนวิน” คิดแต่เรื่องการเมือง
ด้วยคุณสมบัติที่ “เนวิน” มีแต้มเหนือกว่า “ทักษิณ-ธนาธร” คือ ฉลาด มีประสบการณ์แบบเก่า และปรับตัวเข้ากับระบบแบบใหม่ได้ กระทั่งสานฝันให้ “อนุทิน”เป็นนายกฯสมัยแรกได้สำเร็จ พร้อมวางเป้าต่อยอดไปถึง 4 ปีข้างหน้า







