'กมธ.ติดตามงบฯ' จ่อเรียก 'ตร.-ดีอี' สอบอายัดบัญชีปชช. ชี้ขัดรธน.

"อลงกต" ชี้ จนท. อายัดบช.ประชาชนส่อขัดกฎหมาย-ละเมิดรธน. แนะให้ "ประชาชน" แจ้งความเอาผิด พร้อมชงกมธ.ติดตามงบฯ สอบจนท.
ที่รัฐสภา นายอลงกต วรกี สว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา แถลงว่าในการประชุมกมธ. วันนี้ (15 ก.ย.) จะขอมติต่อที่ประชุมเพื่อตรวจสอบใน 2 กรณี คือ การอายัดบัญชีธนาคารของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายหรือเป็นบัญชีม้า โดยไม่แจ้งล่วงหน้า หรือไม่สอบถามนั้น ตนมองว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขัดต่อกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และขัดต่อรัฐธรรมนูญในประเด็นสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน ซึ่งจะขอมติที่ประชุมเพื่อเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์ กระทรวงดีอี ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าชี้แจงต่อกมธ.ฯ อย่างช้าสุดในสัปดาห์หน้า และ กรณีการดำเนินการตามนโยบายซอฟท์พาวเวอร์ ที่กมธ.ต้องการทราบถึงการใช้งบประมาณปี2568 - 2569 ไปจำนวนเท่าไร และใช้ในกิจกรรมใดบ้าง รวมถึงมีการประเมินความคุ้มค่าต่อการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ทั้งนี้การตรวจสอบเรื่องซอฟท์พาวเวอร์นั้นเป็นการทำหน้าที่ของสว.
เมื่อถามว่ากรณีการตรวจสอบเรื่องอายัดบัญชีธนาคารที่มีปัญหาขณะนี้มีข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหาอย่างไร นายอลงกต กล่าวว่า สว.ขอให้คำแนะนำว่าคนที่เดือดร้อนให้ไปแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ ฐานะที่กระทำให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายกับประชาชน ซึ่งเข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือหากจะฝากให้ สว.ดำเนินการสามารถเข้าชื่อมาได้ ซึ่งพร้อมจะดำเนินการ
เมื่อถามว่ากับการแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอาจกระทบต่องานปราบอาชญากรรมออนไลน์ได้ นายอลงกต กล่าวว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องทำตามกฎหมายและยึดต่อกรอบของการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งต้องเชิญบุคคลมาชี้แจงก่อน หากชี้แจงไม่ได้จึงค่อยอายัด ไม่ใช่อายัดไปก่อนจนประชาชนเดือดร้อน ซึ่งการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
เมื่อถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมองว่าเจ้าหน้าที่ควรถอนการอายัดทั้งหมดก่อนหรือไม่ นายอลงกต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องทำตามกฎหมาย โดยยึดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน
ขณะที่ น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สว.ฐานะรองโฆษกกรรมการติดตามงบประมาณ วุฒิสภา กล่าวว่าการอายัดบัญชีธนาคารทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แม้ล่าลุดปลัดกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัดบัญชีเต็มรูปแบบ เป็นเพียงการระงับวงเงินชั่วคราวบางส่วน และตรวจสอบภายใน 3-7 วัน ทำให้มีผลกระทบกับประชาชน และละเมิดสิทธิพื้นฐาน จึงขอเสนอแนวทางเร่งด่วนดังนี้
1.เร่งปลดระงับบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายใน 1-2 วัน
2. กำหนดมาตรฐานเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
และ 3.สร้างระบบที่โปร่งใส รวมทั้งบูรณาการร่วมกันระหว่างธนาคาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะหากเราปล่อยให้ประชาชนรอเงินบริสุทธิ์ของตัวเองนาน 3-7 วันความเชื่อมั่นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง







