เปิดไพ่ ‘แม่ทัพอีสาน’ สายบู๊ ‘บิ๊กดุล’ โซ่ข้อต่อใหม่ ‘กองทัพ’

จับตาบทบาท “พล.ท.อดุลย์” อดีตแม่ทัพอีสานสายบู๊ เพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61 ของ “นายกฯ อนุทิน” ช่องทางใหม่ของฝ่ายการเมืองที่ใช้ประสานกับฝ่ายกองทัพ
KEY
POINTS
- กัมพูชายังไม่ตอบรับเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ ทภ.2 พื้นที่ต้นเรื่อง ซึ่งมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ ข้อเท้าขาดหลายนาย
- การจำแนกโซนความตึงเครียดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ของพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ รมว.กลาโหม สร้างความขุ่นข้องหมองใจคนในกองทัพ
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงอึมครึม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 หลังมีมาตรการนำร่อง ผ่อนปรนเปิดด่านจันทบุรี-ตราด นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ขรม
เหตุเพราะ “กัมพูชา” ตอบรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบสแกมเมอร์เฉพาะพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) จ.สระแก้ว และพื้นที่กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด(กปช.จต.) เท่านั้น
แต่ไม่ตอบรับในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) พื้นที่ต้นเรื่อง ซึ่งมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ ข้อเท้าขาดหลายนาย และยังถูกคุกคามจากกองกำลังกัมพูชาต่อเนื่อง
มาตรการนำร่องผ่อนปรนเปิดด่านจันทบุรี-ตราด ในห้วงรอยต่อ แม้จะอยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ที่กำลังฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล โดนทัวร์ลงไม่น้อย แม้ยังไม่เข้ามาบริหารงานก็ตาม
ขณะที่มาตรการจำแนกโซนพื้นที่ความตึงเครียดของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ รมว.กลาโหม หวังคลี่คลายปัญหาเฉพาะพื้นที่ และบริหารจัดการปัญหาได้ง่ายขึ้น
โดยย้ำว่ายึดแนวทางของ “นายกฯ อนุทิน” ที่ให้ไว้ เน้นเรื่องปกป้องอธิปไตยต้องมาเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับบทบาทกองทัพในการป้องกันประเทศ พร้อมให้ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
โซนที่ 1 ความตึงเครียดสูงสุด (ชายแดนกองทัพ ภาคที่ 2 อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์)
โซนที่ 2 ความตึงเครียดปานกลาง (ชายแดนกองทัพ ภาคที่ 1 สระแก้ว)
โซนที่ 3 ความตึงเครียดน้อย (กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราด)
ทว่า มาตรการผ่อนปรนเปิดด่าน และการแบ่งโซนดังกล่าว กลับสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้ทหารระดับสูง และในระดับพื้นที่บางส่วน สำทับด้วยกรณีกัมพูชาตอบรับเก็บกู้ทุ่นระเบิดเฉพาะพื้นที่ ทภ.1 กับ กปช.จต. ส่วนพื้นที่ ทภ.2 ได้รับผลกระทบมากที่สุด กลับจับถูกแยกออกไป
ส่วน กปช.จต. ไม่ยอมผ่อนปรนเปิดด่านโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ให้ ทภ.2 ไปกำหนดวิธีการ นำมาซึ่งข้อเสนอให้ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนทั้งหมด
แม้ในการประชุมจีบีซี กัมพูชาจะตอบรับ แต่ยังรอดูผลการปฏิบัติสามารถทำได้จริงหรือไม่
ขณะที่คนในกองทัพเริ่มเสียงแตก เห็นได้จากคลิปเผยแพร่ในเพจกองทัพไทย พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร พูดคุยกับทหารบนภูมะเขือ หากยังไม่ถอนกำลัง อย่ามาพูดเรื่องเปิดด่าน รวมถึงทหารไทยต้องไม่เสียขาที่ 7 ที่ 8 อีก
ส่วน “เสธเบิร์ด” พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย คัดค้านการเปิดด่านในจุดที่ไม่ปะทะ และต้องทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพภัยคุกคามต่อไทย
ขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพ ภาคที่ 2 ย้ำว่า การตัดสินใจเปิดด่าน ขึ้นอยู่กับรัฐบาล และกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีอำนาจชี้ขาด และต้องตอบคำถามกับประชาชนในพื้นที่ว่า เมื่อไหร่ถึงจะสามารถเปิดด่านได้ โดยแต่ละพื้นที่มีบริบท และสถานการณ์แตกต่างกัน
“แม้นักธุรกิจที่ค้าขายระหว่างสองประเทศจะเรียกร้องให้เปิดด่านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องพิจารณาภาพรวมของสถานการณ์แนวชายแดน และความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก โดยคาดว่าในช่วงต่อไป รมว.กลาโหม จะออกมาให้คำชี้แจงในเรื่องนี้” มทภ.2 ระบุ
สำหรับความเคลื่อนไหว พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ยกคณะพร้อมเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 (ตท.26) ทีมมีบทบาทแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อาทิ พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร(ขกท.) พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(ผบ.นสศ.) ลงพื้นที่พบปะผู้บังคับหน่วยระดับกองพัน และความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำอธิปไตยใน 3 พื้นที่ ได้แก่ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านตาพระยา จ.สระแก้ว
ต่อเนื่องมาที่ กกล.สุรนารี โดยมี มทภ.2 ต้อนรับพร้อมร่วมฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวม ยังพบการปฏิบัติการทางทหารกัมพูชา ละเมิด ข้อตกลงหยุดยิงส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เช่น การตรวจพบทุ่นระเบิด และการบินลาดตระเวนของอากาศยานไร้คนขับ
ผลสรุปการประชุมจีบีซี 10 ก.ย.2568 ในภาพรวมเหมือนฝ่ายไทยได้เปรียบฝ่ายกัมพูชา แต่ยังไม่มีการการันตีว่า เนื้อหาสาระในแผ่นกระดาษจะนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ ทภ.2
รวมถึงปัญหารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทยของชุมชนชาวกัมพูชา ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว จะดำเนินการอย่างไร ในขณะที่กัมพูชายังดึงเชิง ยกไปหารือในกรอบประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)
โดยกองทัพกำลังรอนโยบายที่ชัดเจนของ “นายกฯ อนุทิน” หากรัฐบาลเข้าบริหารงานเต็มรูปแบบ หากการเจรจากรอบทวิภาคีที่ดำเนินการอยู่ไม่เป็นผล จะเลี้ยงไข้ปัญหาชายแดน หรือยกระดับมาตรการกดดันต่อไป
ท่ามกลางจับตา “ครม.อนุทิน” พลันปรากฏชื่อ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ อดีต มทภ.2 ดำรงตำแหน่ง รมช.กลาโหม เสริมทัพงานความมั่นคง โค้งสุดท้ายก่อนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
เบียด “พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ” อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อนตท.20 ของ พล.อ.ณัฐพล ซึ่งติดโผจากโควตา “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมาก่อนหน้านี้
“โผ ครม. จะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ เร็วๆ นี้ ซึ่งตอนนี้รายชื่อนำส่งไปประกอบ และบางส่วนทยอยส่งกลับมาแล้ว ซึ่งการตรวจสอบต้องการทำให้เกิดความชัดเจน และไม่มีปัญหา สำหรับ รมช.กลาโหม นั้นมีความจำเป็น ส่วนจะเป็นใครขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน” นายอนุทิน ระบุ
สำหรับ พล.ท.อดุลย์ เป็น มทภ.2 ก่อน “แม่ทัพกุ้ง” และเกษียณอายุราชการเมื่อปี 2567 และเป็นเพื่อน ตท.26 ของ ผบ.ทบ. พล.ท.บุญสิน พล.ต.วีระยุทธ์ รักศิลป์ ว่าที่ มทภ.2 คนใหม่ด้วย
ต้องจับตาบทบาท “พล.ท อดุลย์” อดีตแม่ทัพอีสานสายบู๊ เพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61 ของ “นายกฯ อนุทิน” ช่องทางใหม่ของฝ่ายการเมืองที่ใช้ประสานกับฝ่ายกองทัพ จะมีผลต่อทิศทางแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างไร
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







