ปชป.แถลงทิศทางพรรคพรุ่งนี้ สรรหาหัวหน้าใหม่ แทน 'เฉลิมชัย'

ปชป.แถลงทิศทางพรรคพรุ่งนี้ สรรหาหัวหน้าใหม่ แทน 'เฉลิมชัย'

ปชป.แถลงทิศทางพรรคพรุ่งนี้ หลัง 'เฉลิมชัย ศรีอ่อน' ลาออกจากหัวหน้าพรรค เผยตามขั้นตอนต้องสรรหาหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรค ชุดใหม่ ภายใน 60 วัน

การลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อย่างกระทันหัน ในวันที่ 12 ก.ย.2568 โดยอ้างปัญหาสุขภาพ กลายเป็นประเด็นที่พรรคจำเป็นต้องออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว โดยล่าสุด น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรค พร้อมด้วยนายธนิตพล ไชยนันทน์ ผู้อำนวยการพรรค นัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2568 เวลา 10:00 น.

ขณะที่นายธนิตพล ไชยนันทน์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยเบื้องต้นว่า ได้รับทราบเรื่องนายเฉลิมชัย ขอลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากสำนักงาน กกต.ที่แจ้งมาเป็นการภายในให้ตนทราบว่า นายเฉลิมชัยส่งตัวแทนมายื่นหนังสือลาออก หลังจากตนได้รับหนังสือดังกล่าวจาก กกต. เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ก็ได้แจ้งต่อนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค รวมถึงกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ให้รับทราบทั่วกัน 

โดยเลขาธิการพรรคกำชับให้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ตามข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ภายใน 60 วัน ตามที่ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ ซึ่งนายประมวลจะเป็นผู้ดำเนินการในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค

“นายเฉลิมชัยไม่เคยกล่าวอะไรไว้ก่อนหน้านี้ว่าอยากจะลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่นายเฉลิมชัยยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และเนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นแบบกะทันหัน จึงยังไม่มีการพูดถึงตัวบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่” นายธนิตพลกล่าว 

ปชป.แถลงทิศทางพรรคพรุ่งนี้ สรรหาหัวหน้าใหม่ แทน 'เฉลิมชัย'

ขณะที่นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี แต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไร ต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง  

“ผมเชื่อว่าท่านเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งผมก็รู้สึกเสียดายและใจหาย ที่ผ่านมาท่านเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร” นายชัยชนะกล่าว

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่ 

ปชป.แถลงทิศทางพรรคพรุ่งนี้ สรรหาหัวหน้าใหม่ แทน 'เฉลิมชัย'

ผู้สื่อข่าวถามว่า บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร นายชัยชนะ กล่าวว่า สส.ของพรรค ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรค ก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ หลังจากนี้ต้องรอดูว่า ใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบาย ทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่ง ที่ยังยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่ เนื่องจากมีไทม์ไลน์จะยุบสภาภายใน 4 เดือน มีโอกาสจะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ชัยชนะกล่าวว่า อย่ามองเช่นนั้น ตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย เป็นบุคคลที่รักพรรคประชาธิปัตย์มาก คงไม่คิดไปไหน ขออย่ามองลึกเช่นนี้

เมื่อถามว่า ประชาธิปัตย์จะแพแตกหรือไม่ นายชัยชนะ ย้อนถามว่า “จะแตกได้อย่างไร เมื่อทุกคนยืนยันว่า ยังอยู่กับพรรค ส่วนคนที่ไป ก็ถือว่าไป”

ส่วนกรณีที่มี สส.บางส่วนโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ทางพรรคจะดำเนินการอย่างไร นายชัยชนะกล่าวว่า ในพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน แต่คนที่ตัดสินใจแล้ว บอกว่าเป็นเอกสิทธิ์ สส.ในการโหวตเลือกนายกฯ แม้ตามรัฐธรรมนูญจะถือเป็นเอกสิทธิ์ของสส.แต่ทุกคนก็ต้องคิดให้ได้ว่า การที่เราจะได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรามาในนามพรรค หากเราไม่ทำตามมติพรรค ต่อไปจะมีสส.ในนามพรรคทำไม ก็ควรเป็น สส.อิสระไปเลย

ปชป.แถลงทิศทางพรรคพรุ่งนี้ สรรหาหัวหน้าใหม่ แทน 'เฉลิมชัย'

จึงฝากรัฐบาลใหม่ว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรเขียนข้อนี้ให้ชัดเจนว่า ในการลงมติไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจ หรือการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องโหวตตามมติพรรค หากไม่ทำตามมติพรรค ต่อไปใช้เอกสิทธิ์กันทุกคน ก็ไปตั้งกลุ่มก๊วน ไปจัดตั้งรัฐบาลกันได้ ทำให้การเมืองอ่อนแอ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยอ่อนแอ

เมื่อถามย้ำว่า ยังยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนเกิดที่พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยัน ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ไปไหน เติบโตอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งบางคนกินบุญจากพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าตน แต่พอออกไป ก็ยังมาพูดวิจารณ์พรรคทุกวัน ซึ่งพรรคไม่ได้ผิดอะไร พรรคเป็นองค์กรซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารทุก 4 ปีอยู่แล้ว ผู้บริหารบางคนที่เข้ามา คงถูกใจเราบ้าง ไม่ถูกใจเราบ้าง แต่เราต้องอยู่ภายใต้องค์กรนี้ให้ได้