'แสวง' ลั่น 'ผมคนบุรีรัมย์' ปัดช่วยคดีฮั้ว สว. ยันจบที่เลขา 16 ก.ย.

'แสวง' ลั่นกลางเวทีพบสื่อ "ผมคนบุรีรัมย์" ปัดพูดถึงคนอื่น โต้ 'ภูมิธรรม' คนบุรีรัมย์ไม่ได้ช่วยเหลือกันเอง ยันลุยสอบฮั้ว สว.จบที่ชั้นเลขาฯ 16 ก.ย.นี้ ส่งต่ออนุวินิจฉัย
KEY
POINTS
- นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ยอมรับว่าเป็นคนบุรีรัมย์จริง แต่ปฏิเสธข้อครหาว่าจะช่วยเหลือพวกพ้องในคดีฮั้วเลือก สว. โดยย้ำว่าจะยึดตามข้อเท็จจริงและกฎหมายเป็นหลัก
- สำนวนคดีฮั้ว สว. ในชั้นของเลขาธิการ กกต. จะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 ก.ย. นี้ ก่อนส่งต่อให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
- ชี้แจงว่ากระบวนการพิจารณาคดีมีความซับซ้อนและต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งหลายระดับ จึงไม่สามารถตัดทอนขั้นตอนเพื่อเร่งรัดกระบวนการได้
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2568 ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าสำรวจคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตอนหนึ่งในเวทีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำนักงาน กกต. และสื่อมวลชนกับการจัดการเลือกตั้ง ว่า มีคำถามว่า กรณีการเลือก สว. นั้น กกต.ทำอะไรอยู่ทำไมถึงยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งจริงๆ ต้องบอกว่าทุกคนอยากได้รับความยุติธรรม ซึ่งเงื่อนไขของความยุติธรรมไม่ได้อยู่ที่เงินหรือเวลาเพียงอย่างเดียว เวลาเป็นส่วนหนึ่งของความยุติธรรม แต่การประวิงเวลานั้นคือความไม่ยุติธรรม
ความยุติธรรมโครงสร้างประกอบด้วย
1. ขั้นตอนปฎิบัติ ซึ่งมี 4 ขั้นตอน ทุกขั้นตอนจะได้รับการตรวจสอบซึ่งกันและกันว่าแต่ละขั้นตอนได้ทำถูกต้อง และให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องหรือไม่
2. เวลา จะต้องให้โอกาสผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้าถึงความยุติธรรม
3. ข้อเท็จจริง คือการได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม ไม่ใช่การปฏิบัติเพื่อคนใดคนหนึ่ง หรือทำตามความต้องการของคนใดคนหนึ่ง
4.คือข้อเท็จจริง คือพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ไม่ใช่เรื่องเล่าจากข้างนอก นี่คือความยุติธรรมที่สำนักงานคำนึงถึงและปฏิบัติตลอดมา เรารวบรวมพยานหลักฐานได้แค่ไหนความยุติธรรมก็คือตรงนั้น
เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า การพิจารณาสำนวนฮั้ว สว.ก็เช่นกัน ตอนนี้ อยู่ที่ 4 องค์ประกอบนี้เราไม่ได้ทำแตกต่างจากทุกเรื่องที่เราทำมา แต่สำนวนสว.อาจจะต่างจากสำนวนอื่น เพราะมีการเลือกหลายระดับ ต่างจากสส.หรือการเลือกตั้งทั่วไปที่มีชั้นเดียว เมื่อการเลือกสว.มีหลายชั้นเป็นสำนวนจึงใหญ่ ก็ต้องใช้เวลา จึงต้องดูองค์ประกอบความยุติธรรม 4 เรื่อง ข้อเท็จจริงต้องครบถ้วน สิ้นกระแสความจนมีหลักฐานที่พอจะวินิจฉัยได้
"ตอนนี้สำนวน สว.อยู่ในชั้นเลขาธิการ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 16 ก.ย.นี้ คิดว่า 3-4 วันก็จัดส่งอนุกรรมการวินิจฉัย ซึ่งมีเวลาอีก 90 วัน ก่อนจะส่งคณะกรรมการกกต. ย้ำว่าเราไม่สามารถตัดทอนขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งได้ ไปเป็นขั้นตอนที่เรากำหนดไว้ว่าขั้นตอนแบบไหนจะให้ความยุติธรรมกับทุกคน ให้โอกาสกับทุกคนให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ครบถ้วนถ้าไม่ครบถ้วนก็ต้องให้มีการสอบเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับการปฏิบัติธรรม ส่วนรายละเอียดเนื้อหาไม่มีใครไปบอกได้ ที่เป็นข่าวก็อาจจะเป็นเพียงเรื่องเล่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ในส่วนของข้อเท็จจริงในชั้นอนุวินิจฉัยหรือแม้แต่กกต.ก็ไม่มีใครทราบ" เลขาธิการ กกต. กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 27 ขึ้นมาเพิ่ม นายแสวง กล่าวว่า หากมีการพิจารณาในสำนวนแล้วเจอกลุ่มการกระทำผิดอื่นอีก โดยที่ไม่ได้อยู่ในสำนวนใดสำนวนหนึ่งเลย อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนขึ้นมาใหม่ เนื่องจากมีความปรากฏขึ้นมาใหม่ ส่วนเรื่องที่สอบไปก่อนหน้านี้ มีการแยกเป็นสำนวน โดยเรื่องการเลือกสว. มีร้องเข้ามากว่า 500 เรื่อง ซึ่งพิจารณาเกือบจะหมดแล้ว โดยขณะนี้อยู่ในขั้นพิจารณาของสำนักงาน จะครบกำหนดการพิจารณาในวันที่ 16 ก.ย.นี้ เมื่อเทียบกับสำนวนอื่น หากพบการกระทำผิดอื่นอีกก็สามารถ ตั้งเป็นความปรากฏขึ้นได้อีก ส่วนผู้ที่กระทำผิด พบว่าเป็นผู้กระทำผิดกลุ่มเดิมแต่ขยายฐานความผิดใหม่ เนื่องจากตอนที่ร้อง ร้องเป็นฐานความผิดอื่น แต่เมื่อสอบแล้วพบว่ามีมูลและการกระทำผิดอย่างอื่นด้วย
นายแสวง กล่าวด้วยว่า การตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 27 ขึ้นมา ไม่เกี่ยวกับการยื้อเวลาเพื่อช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไม่เกี่ยวข้องกับสำนวนก่อน สำนวนเดิมก็ว่ากันไปตามกรอบเวลา ตามขั้นตอน
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ทั้งนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พาดพิงว่าเลขา กกต.เป็นคนบุรีรัมย์ นายแสวง กล่าวว่า "ผมคนบุรีรัมย์ครับ"
ถามย้ำถึงข้อกังวลว่า คนบุรีรัมย์จะอาจจะช่วยเหลือคนบุรีรัมย์ด้วยกันหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เป็นคนบุรีรัมย์ ขอไม่พูดถึงคนอื่น ขอดูแลเฉพาะงานตัวเองว่าไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย ความยุติธรรมมีองค์ประกอบ 3-4 เรื่อง ได้แก่ขั้นตอน เวลา การได้รับปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และข้อเท็จจริงที่รวบรวมได้ เวลาพิจารณาแล้วคำนึงทุกเรื่อง
เมื่อถามถึงการที่รัฐบาลใหม่ จะแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับสว.คนหนึ่ง กกต. จะมีบทบาทเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในอำนาจกกต. โดยกกต.ตรวจสอบการกระทำที่ไม่สุจริตเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หรือมีความเห็นให้สส.พ้นจากตำแหน่ง ยืนยันว่าแม้จะมีหลักฐานว่ามีความสนิทก่อนจะมาเป็น สว. ก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจของ กกต.







