ทางแยก - แยกทาง ‘รทสช.’ วัดใจ‘คีย์แมน’ คัดเลือดแท้ไปต่อ

จับตาการขับเคลื่อน “พรรค รทสช.” ของ “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” หากเคลียร์ใจกันได้ จะผนึกให้พรรคเป็นหนึ่งเดียว เพื่อชิงแต้มการเมือง ดีดตัวเองให้ยื่นหนึ่ง “พรรคอนุรักษ์”
เอฟเฟ็กต์จากการโหวตให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นั่งเก้าอี้นายกฯคนที่ 32 จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นแรงเหวี่ยงที่ทำให้ “พรรคการเมือง” ต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ เร่งปรับทัพเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง
เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากเดิมที่แตกออกเป็น “2 ก๊ก” ก๊กแรก “หัวหน้าพี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ผนึกกำลังกับ “เลขาฯขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. มี สส. อยู่ในมือ 16 -20 คน
ก๊กสอง มี “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ และ “เครือข่ายนายทุน” มีกำลังพล 14 -16 คน คอยวางเกมเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจภายในพรรค
เมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ “กลุ่มสุชาติ” พลิกเกม ส่งรายชื่อ 16 สส.รวมไทยสร้างชาติ การันตีโหวตให้ “อนุทิน” นั่งนายกฯ แต่ถึงวันโหวต สส.รวมไทยสร้างชาติ กลับเทเสียงโหวตให้เกือบทั้งพรรค 33 เสียง เหลืองดออกเสียงแค่ 3 เสียง
โดยเสียงที่เพิ่มเติมให้ “อนุทิน” มาจาก “สส. ทีมเอกนัฏ” ส่วนกลุ่มงดออกเสียงอยู่ใน “ทีมพีระพันธุ์” จึงทำให้เกิดกระแสข่าวตามมาว่า “หัวหน้าพี” ไม่พอใจแนวทางการโหวตของ “เลขาฯขิง” เพราะต้องการให้ สส.รทสช. งดออกเสียง
ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีข้อมูลว่า “พีระพันธุ์” ต้องการขับเคลื่อนให้ “รทสช.” ผูกมิตรกับ “พรรคเพื่อไทย” เพื่อรอจังหวะกำหนดเกมขึ้นมาใหม่ เนื่องจากระยะหลัง หัวหน้าพี ก็มีความสนิทชิดเชื้อกับ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”อย่างดี
ส่วน “เอกนัฏ” ต้องการรักษาจุดยืนของ “รทสช.” ให้อยู่ข้าง “ขั้วอนุรักษ์” เพราะหากไม่โหวตให้ “อนุทิน” จะทำให้ “รทสช.” ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับจุดยืนทันที เนื่องจากคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” คดี “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกฯ กระทบโดยตรงกับฐานเสียง-ฐานแฟนคลับ “พรรค รทสช.”
ต้องจับตาความสัมพันธ์ของ “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” จะเคลียร์ใจกันจบลงด้วยดีหรือไม่ เพราะภารกิจข้างหน้า คือการขับเคลื่อนให้ “รทสช.” ไปต่อในการเลือกตั้งให้ได้ ในวันที่ไม่มีกระแสลุงตู่ช่วยส่ง
ขณะเดียวกัน กลุ่ม 16 สส.ที่แยกตัวออกไป คือ “กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น” และ “ธนกร วังบุญคงชนะ” เมื่อได้โควตารัฐมนตรี ทั้งสองจำเป็นต้องฉวยจังหวะนี้ลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อหนีปมมติพรรคส่งชื่อนั่งรัฐมนตรี และเมื่อใกล้ถึงเวลาเลือกตั้ง “สส.ทีมสุชาติ” ก็จะทยอยลาออกจากสมาชิก รทสช. เพื่อเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่
เช่นเดียวกับ “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ ที่หันไปผนึกกับเพื่อนเก่า อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และทิ้งระเบิดใส่บ้านเก่า ระบุว่าขัดแย้งกับ “คีย์แมน รทสช.” คนสำคัญ ที่ถูกวางตัวเป็น “หัวหน้าพรรค” คนใหม่
ทั้งที่ตามโครงสร้างของ “กรรมการบริหารพรรค รทสช.” มีอยู่ 8 คน เป็นเสียงของ “ทีมหัวหน้าพี” 5 คน “ทีมเลขาฯขิง” 2 คน “ทีมนายทุน” 1 คน โอกาสที่จะเปลี่ยน “หัวหน้าพรรค” หาก “หัวหน้าพี” ไม่ไฟเขียวเป็นไปได้ยากมาก
ทว่า ปฏิบัติการของ “เสธ.หิ” แตกหักกับ “คีย์แมน รทสช.” เพื่อเป็นข้ออ้างไปอยู่กับธรรมนัส ในอีกมุม ก็ถูกมองว่า หวังเติมเชื้อไฟใน รทสช. ปั่นคนในพรรคให้แตกหักกันเอง
ต่อจากนี้ ต้องจับตา “คีย์แมน รทสช.” ทั้ง “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” จะขับเคลื่อน “พรรคอนุรักษ์” ให้เดินในทิศทางใด เนื่องจากแต้มของ “ขั้วอนุรักษ์” ที่กลับมาดีดตัวพุ่งขึ้นในช่วงความขัดแย้งแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ยังไม่มีพรรคการเมืองใดกอบโกยเอาไปได้
คะแนนนิยมในตัวของ “ทหาร” ในฐานะตัวแสดงของ “กลุ่มอนุรักษ์” ยังไม่ได้รับการผ่องถ่ายมาที่พรรคการเมือง แม้ “พรรคภูมิใจไทย” ยังพยายามขึ้นหัวหาดเป็น “พรรคอนุรักษ์” เบอร์หนึ่ง แต่ปมแผลเก่าของ “บิ๊กสีน้ำเงิน” ยังติดค้างอยู่ในใจของ “โหวตเตอร์ขั้วอนุรักษ์”
โจทย์ใหญ่ของ “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” ในวันนี้ อาจไม่ใช่การอยู่ร่วมกับ “ขั้วรัฐบาล” แต่เป็นโจทย์ยากในศึกเลือกตั้งรอบหน้า ที่อาจจะเกิดขึ้นภายใน 6 เดือน จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม เพื่อสู้ศึกในสนามเลือกตั้ง
แถมยังเป็นโอกาส คัดเลือก “เลือดแท้ รทสช.” ถ่ายเลือดเทียมออกจากพรรค เพราะหากยังปล่อยให้มี “สองก๊ก” ในพรรคเดียว อาจส่งผลกระทบในระยะยาว
จับตาการขับเคลื่อน “พรรค รทสช.” ของ “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” หากเคลียร์ใจกันได้ จะผนึกให้พรรคเป็นหนึ่งเดียว เพื่อชิงแต้มการเมือง ดีดตัวเองให้ยื่นหนึ่ง “พรรคอนุรักษ์” ได้หรือไม่







