กกต.ชงศาลฎีกาเชือด 7 ผู้สมัคร สว.ร้อยเอ็ด ซื้อเสียงแลกโหวต

อีกแห่ง! กกต.ชงศาลฎีกา ดำเนินคดีอาญา-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 7 ผู้สมัคร สว.ระดับจังหวัด 'ร้อยเอ็ด' เจอหลักฐานชัด จ่ายเงินซื้อเสียง แลกโหวต
KEY
POINTS
- กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อขอเพิกถอนสิทธิสมัครและดำเนินคดีอาญากับผู้สมัคร สว. จังหวัดร้อยเอ็ด 7 ราย
- ผู้สมัครถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ทุจริตซื้อเสียงในการเลือก สว. ระดับจังหวัด โดยเสนอเงินตั้งแต่ 15,000 ถึง 50,000 บาท เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้ตนเองและพวกพ้อง
- กกต. มีหลักฐานสำคัญประกอบด้วยคำให้การของพยาน ข้อความสนทนาทางแอปพลิเคชันไลน์ และข้อมูลธุรกรรมการโอนเงิน
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงสั่งดำเนินคดีอาญา พล.ท.โสภณ นายเรืองวิทย์ นายเฉลิมศักดิ์ นายชัยชนะ นายบรรลุ นายเมธี นายสนอง ผู้มีสิทธิ์เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัดจังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มที่ 1 บริหารราชการและความมั่นคง พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ น.ส.ณัฏฐยาหรือณัฐณิชา บุคคลซึ่งไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น สว.ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 มาตรา 77 (1) มาตรา 79 มาตรา 81 และรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 226
เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวน พยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกสว.ให้ถ้อยคำยืนยันว่า วันที่ 10 - 14มิ.ย. 2567 หลังจากตนเองโทรศัพท์ไปแนะนำตัวกับ พล.ท.โสภณ และนัดหมายรับประทานอาหารเพื่อพูดคุยทำความรู้จักผู้มีสิทธิ์เลือก สว.ระดับจังหวัด ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนทางเลี่ยงเมืองระหว่างทางไปอำเภอเชียงขวัญและอำเภอโพนทองจังหวัดร้อยเอ็ด โดยได้พบกับนายชัยชนะ นายสนอง และนายเฉลิมศักดิ์
ต่อมานายเรืองวิทย์ได้ส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ชักชวนให้พยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 อยู่ในทีมของ พล.ท.โสภณ โดยให้ลงคะแนนเลือก พล.ท.โสภณ 1 คะแนน และเลือกตัวเอง 1 คะแนน และจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 15,000 บาท พยานไต่สวนคนที่ 2 ตอบตกลง นัดหมายรับเงินที่ร้านกาแฟคาเฟ่ ในปั๊มน้ำมัน ถ.แจ้งสนิท อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด
เมื่อไปถึงนายเฉลิมศักดิ์และ พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ ซึ่งแสดงตนมาตลอดว่าเป็นตัวแทนของ พล.ท.โสภณ พูดถึงเรื่องการลงคะแนนเลือก พล.ท.โสภณ ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัดร้อยเอ็ดกลุ่มที่ 1 พยานไต่ส่วนประกอบคนที่ 2 ตอบตกลง พล.ท.โสภณจึงใช้โทร ศัพท์มือถือโอนเงินมายังบัญชี พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ และ พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์ จึงโอนเงินจำนวนดังกล่าวมาเข้าบัญชีของพยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 ปรากฏหลักฐานการโอนเงิน และรูปถ่ายการสนทนาทางแอพพลิเคชั่นไลน์
นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานจากการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมทางการเงินว่าพล.ท.โสภณรู้เห็นสนับสนุนให้ พ.อ.สมบูรณ์ชัยย์โอนเงิน 15,000 บาท ให้แก่นายเฉลิมศักดิ์ และรู้เห็นสนับสนุนให้ น.ส.ณัฏฐยา หรือ น.ส.ณัฐณิชาโอนเงิน 15,000 บาทให้กับนายเรืองวิทย์ เพื่อ จูงใจให้นายเฉลิมศักดิ์ และนายเรืองวิทย์ สมัครเข้ารับเลือกเป็น สว.หรือเพื่อจูงใจให้นายเฉลิมศักดิ์ และนายเรืองวิทย์ลงคะแนนให้ พล.ท.โสภณ
และปรากฏหลักฐานเป็นภาพถ่ายการสนทนาทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และคลิปวีดีโอบันทึกการสนทนายืนยันข้อเท็จจริงจากการไต่สวนพยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 ว่า ก่อนวันที่ 16 มิ.ย. 2567 ที่จะมีการเลือก สว.ระดับจังหวัดของจังหวัดร้อยเอ็ด
นายชัยชนะ นายบรรลุ นายสนอง นายเมธี ได้กระทำการ สนับสนุนรู้เห็นเป็นใจให้นายชัยชนะ เสนอเงินหรือสัญญาว่าจะให้เงินตั้งแต่ 20,000 - 50,000 บาทแก่พยานไต่สวนคนที่ 2 เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกนายชัยชนะและนายบรรลุในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัดของจังหวัดร้อยเอ็ดในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน
รวมถึงยังปรากฏหลักฐานการจูงใจให้นายสนองลงคะแนนเลือกนายชัยชนะในการเลือกสว.ระดับจังหวัดร้อยเอ็ดกลุ่มที่ 1รอบการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน โดยเป็นข้อความในแอพพลิเคชั่นไลน์ที่นายชัยชนะ ติดต่อให้พยานไต่สวนประกอบคนที่ 2 ช่วยจองห้องพักโรงแรมเดอะไรซ์ จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 2 ห้องเพื่อเข้าพักในวันที่ 15 มิ.ย. 2567 ในนามของนายชัยชนะและนายสนอง ราคาห้องละ 750 บาท พร้อมหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 1,500 บาท
และในวันที่ 16มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัดร้อยเอ็ด ยังปรากฏหลักฐานการโอนเงินที่ทำให้เชื่อว่า พล.ท.โสภณ สนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้ น.ส.ณัฏฐยาหรือณัฐณิชาโอนเงิน 15,000 บาทให้แก่นายเรืองวิทย์ เพื่อจูงใจให้นายเรืองวิทย์ ลงคะแนนเลือก พล.ท.โสภณ ในการเลือก สว.ระดับจังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มที่ 1 รอบการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน
การกระทำของนายเรืองวิทย์จึงเข้าข่ายเรียกรับเงินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด จากกรณีทั้งหมด กกต.จึงเห็นว่าเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (1) มาตรา 79 มาตรา 81 และเป็นการทุจริตในการเลือกมีผลทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมตามมาตรา 62 ของกฎหมายเดียวกันจึงให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาและสั่งดำเนินคดีดังกล่าว







