ขาขึ้น ‘ภูมิใจไทย’ ผู้ถูกเลือก เทคโอเวอร์ ‘คนละครึ่ง’ มรดกลุงตู่

หลังจากนี้ นโยบายต่างๆ จากแต่ละพรรค จะถูกรวบรวม นำมาผสมผสานให้เป็นร่างนโยบายหลักที่แถลงต่อสภาฯ มีการจัดลำดับความเร่งด่วนในการแก้ปัญหา ภายใต้ความคาดหวัง ครม.อนุทิน 1 จะนำประเทศออกจากความมืดมน ไปสู่แสงสว่าง
KEY
POINTS
- พรรคภูมิใจไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลชุดใหม่ เตรียมนำโครงการ "คนละครึ่ง" ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดก่อน กลับมาเป็นนโยบายเร่งด่วน
- โครงการคนละครึ่งเวอร์ชันใหม่จะยังคงคอนเซปต์เดิม แต่จะมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนที่อยู่ในระบบภาษี
- การดำเนินโครงการจะใช้แพลตฟอร์มเดิมคือ แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" เพื่อความรวดเร็ว และประหยัดงบประมาณ โดยไม่ต้องสร้างแอปพลิเคชันใหม่
ชั่วโมงนี้ เป็นเวลาของ "ภูมิใจไทย" ที่จะมีโอกาสได้ขยายปีก ขยายฐานทางการเมืองให้กว้างออกไปจากเดิม
การที่อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้รับเลือกจากสภาฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เป็นจุดสูงสุดทางการเมืองของพรรคสีน้ำเงินนับตั้งแต่ก่อตั้งมา
จากพรรคขนาดกลาง หรือพรรคตัวแปรรัฐบาลในหลายยุคหลายสมัย วันนี้กลายเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเต็มตัว
โจทย์ใหญ่คณะรัฐมนตรีอนุทิน กับการแก้ปัญหาบ้านเมือง ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด ตามข้อตกลงกับพรรคประชาชน ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว 4 เดือนยุบสภา
จึงไม่มีเวลาฮันนีมูน หรือเสียเวลารำมวยให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน ทีมนโยบายของพรรคสีน้ำเงิน ออกสตาร์ตล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็แต่รอเวลาขับเคลื่อนงาน หลังจากฟอร์ม ครม.ชุดใหม่ เสร็จสิ้น
ก่อนที่นายกฯ หนู จะได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะเป็นวันแรกของการนับถอยหลัง 4 เดือนของรัฐบาล ก่อนยุบสภา
ทันทีที่รัฐบาลสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ นโยบายไฮไลต์ ที่มีแนวโน้มสูงจะถูกปัดฝุ่นขับเคลื่อนต่อ คือ โครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คลอดออกมา เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ หลังเผชิญวิกฤติโควิด-19
คนละครึ่ง เวอร์ชันสีน้ำเงิน จะเป็นนโยบายเร่งด่วนลำดับต้นๆ ของรัฐบาลนี้ ที่ยังคงคอนเซปต์เดิม เพิ่มเติมคือ การเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนที่อยู่ในระบบภาษี ส่วนคนที่อยู่นอกระบบภาษี หรือร้านค้า จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ตรงนี้ถือเป็นความได้เปรียบ เนื่องจากไม่ต้องไปคิดทำนโยบายใหม่ และเสียเวลาอธิบายสังคม พอประกาศต่อสาธารณะว่า คนละครึ่งจะกลับมา คนส่วนใหญ่ซึ่งมีประสบการณ์เคยได้รับประโยชน์ ต่างเข้าใจได้ทันที
โดยทีมนโยบายสีน้ำเงิน วางแนวทางเอาไว้ จะใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว อย่างแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ไม่ต้องเสียงบ เสียเวลาไปสร้างแอป ใหม่เพิ่มอีก
ที่สำคัญ นโยบายแจกเงินแบบโต้งๆ เหมือนบางรัฐบาลนั้น สีน้ำเงินไม่เอาเด็ดขาด เนื่องจากมองว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจเหมือนที่ผ่านมา แจกปุ๊บหายปั๊บ
นอกจากคนละครึ่งที่ว่ามาแน่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ก็มีลุ้นจะกลับมา
ขณะที่อีก 2 นโยบายเร่งด่วน การเจรจารายละเอียดภาษีทรัมป์ และการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เตรียมสร้างรั้วกั้นบริเวณพื้นที่ล่อแหลมเพิ่มเติม และจะติดตั้งระบบคัดกรองคนเข้าออกที่มีประสิทธิภาพ
รวมถึงนโยบายด้านการเกษตร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ การจัดงบประมาณดูแลผลผลิต คุณภาพชีวิต ค่าเก็บเกี่ยว รวมถึงต้นทุนต่างๆ มีโอกาสจะได้เห็นเช่นเดียวกัน
รวมถึงแนวคิดเรื่องมาตรการควบคุมผลผลิตทางการเกษตรจากเพื่อนบ้านที่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น PM2.5 ผ่านกลไกภาษีหรืออื่นๆ ก็มีโอกาสถูกบรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาลอีกด้วย ในส่วนของนโยบายด้านสังคม ค่ายน้ำเงินวางแผนผลักดันนโยบายเรียนฟรีในโรงเรียนของรัฐให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง โดยจะนำร่องในจังหวัดที่มีความพร้อมก่อน เช่น จ.ลำพูน เพื่อจัดเก็บข้อมูลเพื่อต่อยอดในจังหวัดอื่น
อีกปัญหาสำคัญ คือ เรื่องหนี้สินชาวบ้าน แว่วว่า จะดึงกองทุนหมู่บ้านเข้ามามีส่วนในการแก้ปัญหาร่วมกับสถาบันการเงิน
ส่วนปัญหาค่าครองชีพของคนกรุง รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มีโอกาสสูงที่จะไม่ได้ไปต่อ เนื่องจากต้องอุดหนุนงบประมาณต่อเนื่องทุกปีจำนวนมาก ซึ่งอนาคตก็อาจมีความไม่แน่นอน โดยค่ายน้ำเงิน มีแนวคิดหั่นค่าโดยสารลงประมาณ 30% บวกลบ ซึ่งคาดว่าใช้งบประมาณน้อยกว่า แต่มีต่อเนื่อง และยั่งยืนกว่า
แน่นอนว่าพื้นที่ฐานเสียงแถบชายแดนอีสานใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งกับกัมพูชา ถือเป็นเป้าหมายของ ครม.สัญจร ที่จะประเดิมฟื้นฟู โดยจะปรับรูปแบบให้กระชับ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากนี้ นโยบายต่างๆ จากแต่ละพรรค จะถูกรวบรวม นำมาผสมผสานให้เป็นร่างนโยบายหลักที่แถลงต่อสภาฯ มีการจัดลำดับความเร่งด่วนในการแก้ปัญหา ภายใต้ความคาดหวัง ครม.อนุทิน 1 จะนำประเทศออกจากความมืดมน ไปสู่แสงสว่าง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






