'โรม' ฝากถึง 'อนุทิน' สางปมแก๊งคอลฯ - ลากผู้นำเขมรขึ้นศาลโลก

'โรม' ฝากข้อเสนอถึง 'อนุทิน' ยกเครื่องยุทธศาสตร์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สางปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชงศาลโลก เอาผิดผู้นำเขมร
KEY
POINTS
- นายรังสิมันต์ โรม สส.ปชน. เสนอให้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่าที่นายกฯคนที่ 32 เปลี่ยนยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
- เสนอให้ใช้ช่องทางศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อดำเนินการกับผู้มีอำนาจในกัมพูชาที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
- เรียกร้องให้นายอนุทินในฐานะที่อาจดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ตรวจสอบและป้องกันไม่ให้ทรัพยากรของไทย เช่น ไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต ถูกนำไปใช้สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2568 ที่ จ.สระแก้ว นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ฝากข้อเสนอแนะถึงรัฐบาลใหม่ว่า ได้คุยกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แล้วว่า ยุทธศาสตร์ไทย-กัมพูชา ต้องเปลี่ยน และไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม แม้เราจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์ แต่เราต้องอยู่บนหลักที่ว่า ไทย-กัมพูชา ไม่มีใครหนีออกไปจากกันได้ จึงต้องหาทางต่อไป
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ความมั่นคงจะต้องมีหลักประกันที่เราสามารถมั่นใจได้ ดังนั้นเรื่องยุทธศาสตร์จะต้องเปลี่ยนและคุยใหม่ทั้งหมด เช่น การค้า เขตแดน ท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศ การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยืนยันว่าทันทีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี มีอำนาจ หนึ่งในเรื่องที่จะเสนอคือ ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เราไม่ได้เสนอให้ยอมรับ แต่กัมพูชาเป็นภาคีอยู่ เราเชื่อได้ว่าอำนาจรัฐในกัมพูชาทำให้เกิดคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ แม้ประเทศไทยจะเป็นภาคี แต่สามารถมีกลวิธีในการดำเนินการเอาผิดกับกัมพูชาต่อ ICC ได้
นายรังสิมันต์ กล่าวยังกล่าวถึงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่า ต้องรอให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากมีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ยังไม่ทราบว่าจะเป็นใครแน่นอน เห็นว่าเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม จึงขอรอดูความชัดเจนก่อน
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า มีความเป็นไปได้สูงที่นายอนุทิน จะเป็น รมว.มหาดไทยด้วย จะเกี่ยวข้องกับไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต จะต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีทรัพยากรใด ๆ ของไทยเกี่ยวข้องกับการทำให้กัมพูชาใช้เป็นประโยชน์กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และหลอกลวงคนไทย เนื่องจากได้รับแจ้งข้อมูลจากทีมงานในพื้นที่ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชายังเฟื่องฟูอยู่







