'ช่อ' ชี้นาทีวัดใจ ปชน. เลือก 'อนุทิน' ทำฝ่ายอนุรักษนิยมเข้มแข็ง

'ช่อ' ชี้นาทีวัดใจ ปชน. เลือก 'อนุทิน' ทำฝ่ายอนุรักษนิยมเข้มแข็ง

'พรรณิการ์' ลั่นหลังจากนี้ นาทีวัดใจ ปชน.ดัน 'อนุทิน' นายกฯ ยันไร้ดีลลับเบื้องหลัง แต่เป็นทางออกเดียวประเทศ รับทำฝ่ายอนุรักษนิยมเข้มแข็ง แต่ฝ่ายก้าวหน้าไม่ได้อ่อนลง

KEY

POINTS

  • "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ชี้แจงเหตุผลที่พรรคประชาชนโหวตหนุน 'อนุทิน' เป็นนายกฯ ว่าเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ หลังรัฐบาลเพื่อไทยปฏิเสธที่จะยุบสภา
  • การสนับสนุนดังกล่าวมีเงื่อนไขสำคัญคือ รัฐบาลใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน และจัดทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
  • ยอมรับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมเข้มแข็งขึ้น แต่ยืนยันว่าเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่ได้ทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยอ่อนแอลง

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2568 น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ภายหลังพรรคประชาชน (ปชน.) โหวตสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ผลักดันนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯคนที่ 32 ว่า เราคือคนขีดเส้นทางนี้เอง ต่อจากนี้คือนาทีวัดใจ การเลือกของพรรคประชาชนไม่ได้มีเหตุดีลลึกลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้เป็นเพราะไร้เดียงสาทางการเมือง และแน่นอนว่าไม่ได้เกิดจากความโกรธเกลียดพรรคใดจากเรื่องฝังใจในอดีต

1. เราเรียกร้องรัฐบาลเพื่อไทยให้ยุบสภา ตลอด 2 เดือนครึ่งที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าหนทางที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจกลับสู่ประชาชน ให้ได้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่พรรคเพื่อไทยได้พิสูจน์ให้เห็นจนถึงวาระสุดท้ายว่าไม่ยุบสภาเด็ดขาด จนกว่าอำนาจจะหลุดลอยจากตัวเอง 100% แม้เมื่อสุดท้ายคุณภูมิธรรม ตัดสินใจยุบสภาแล้วไม่สำเร็จ พรรคประชาชนก็ยังยืนยันว่าฝ่ายบริหารมีอำนาจยุบสภา ต้องเดินหน้าต่อให้จงได้ แต่คุณภูมิธรรมและพรรคเพื่อไทยยินยอมละทิ้งการต่อสู้เรื่องนี้ เดินหน้าสู่การเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคประชาชนก็ต้องเดินไปตาม MOA ที่ได้ลงนามแล้ว

2. พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่คือตัวเลือกเดียวที่มีอยู่ การไม่ออกเสียงคือการก่อเดดล็อก ปล่อยให้คุณภูมิธรรมรักษาการไปเรื่อยๆ ซึ่งเท่ากับการต่อเวลาให้คุณทักษิณได้เจรจาทำดีลใหม่ ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะไปจบลงที่ตรงไหน เมื่อไหร่ ปลายทางคืออัศวินขี่ม้าขาวใช่หรือไม่ ที่แน่ๆ คือเราได้แต่เฝ้ารอ ไม่มีอำนาจควบคุมทิศทาง ทั้งที่มี 143 เสียงในมือ

3. เงื่อนไขที่พรรคประชาชนตกลงกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่แค่การยุบสภา แต่คือยุบสภาใน 4 เดือนพร้อมประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เราไม่มีทางมั่นใจได้ว่าคุณอนุทินจะทำตามสัญญาหรือไม่ แต่หากไม่มาทางนี้ ก็แน่ใจได้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่มีวันสำเร็จในอนาคตอันใกล้

4. หากไม่สามารถร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ การชนะเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถทำให้พรรคประชาชนบริหารประเทศได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะต่อให้ได้เป็นรัฐบาลก็อาจถูกนิติสงคราม ยุบพรรค ตัดสิทธิ์ เหมือนสองครั้งที่ผ่านมา

5. มีแต่การเดินทางนี้เท่านั้น จึงนำเราไปสู่อนาคตที่คำว่า "อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน" จะไม่ใช่แค่สโลแกนปลุกขวัญ แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

6. การเลือกทางนี้ ทำให้ภูมิใจไทยและอนุรักษ์นิยมเข้มแข็งขึ้น? ใช่

7. การเลือกทางนี้ ทำให้พรรคประชาชนและฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าอ่อนแอลงหรือ? ไม่!

น.ส.พรรณิการ์ ระบุอีกว่า พรรคประชาชนไม่ได้ผูกความเข้มแข็งของพรรคไว้กับคะแนนนิยมเพียงอย่างเดียว การที่สมาชิก ทีมจังหวัด พนักงานพรรค สส. ได้พูดคุยทำความเข้าใจ ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจร่วมกัน รับผลของการตัดสินใจร่วมกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และผู้แทนราษฎรของพรรคทุกคนโหวตโดยเคารพมติพรรค ทำให้เราเดินต่อไปได้อย่างเข็มแข็ง นี่คือผู้คนที่พร้อมเดินไปบนเส้นทางที่เราเลือกด้วยกัน ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เราก็พร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และต่อสู้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายให้จงได้

น.ส.พรรณิการ์ ระบุด้วยว่า ฝ่ายประชาธิปไตยก็ไม่ได้อ่อนแอลงเลย การที่พรรคถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา คือพลวัตรที่ดีของประชาธิปไตย ทุกพรรคถูกวิจารณ์ได้ หากมีตัวเลือกที่ดีกว่า ประชาชนย่อมเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคใหม่ได้ นี่คือความเข้มแข็งของฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องช่วยกันรักษาไว้ให้มั่น ขอแค่อย่าหมดหวัง อย่าเหนื่อยหน่ายในการเมือง

"4 เดือนนับจากนี้ เรามาเตรียมตัวรณรงค์ให้ประชาชนเห็นด้วยกับการมีรัฐธรรมนูญใหม่กันเถอะ เราคือผู้คนและการเดินทาง ประชาชนยังคงเดินหน้า เราคือคนขีดเส้นทางนี้เอง เส้นทางของการเปลี่ยนแปลง ต่อจากนี้คือนาทีวัดใจ เชิญทุกคนออกมา!" น.ส.พรรณิการ์ ระบุ