'พท.' ขยี้คุณสมบัติ 'อนุทิน' ปูดมีค่าหัว30ล้าน แลกโหวต 'นายกฯ'

"3สส.ตึงตึงพท." ขยี้ปมคุณสมบัติ "อนุทิน" ปูดมีค่าหัว30ล้าน ท้าสาบานวัดพระแก้ว ด้าน "จาตุรนต์-สุทิน" หวั่นใช้บารมีโละคดีฮั้วสว.
ที่รัฐสภา ในวาระการประชุมสภาฯ ซึ่งพิจารณาเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 โดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ ทำให้มีผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ 2คน
ทั้งนี้ก่อนการลงมติ ที่ประชุมได้เปิดให้ สส.ที่สนับสนุนแคนดิเดตของแต่ละฝ่ายอภิปรายต่อที่ประชุม ทั้งนี้ช่วงหนึ่งของการอภิปรายของนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มีข่าวลือหนาหูเหม็นคลุ้งในสภาฯถึงการจะมาเป็นนายกฯคนที่32 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีการใช้เงิน 1,500-2,000ล้านบาท เป็นเรื่องไม่สบายใจ ที่นายกฯคนต่อไปจะถูกตราหน้าตามข่าวลือ นายอนุทินต้องเคลียร์เรื่องนี้ เริ่มจากพรรคเพื่อไทยหายไป 8คน ใครๆก็รู้ เป็นอะไรถึงไป อยากทราบว่า ตัวเลขจริงๆที่ไปรองรับให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ใช้เท่าไร รับแรกสุด 10ล้าน โหวตวันนี้รับอีก10+10 รวมเป็น 30ล้าน จริงหรือไม่ พรรคการเมืองที่ไปสนับสนุนท่าน บางพรรคไม่เคยมีชื่อหาเสียงเลือกตั้ง แต่อยู่ๆมารวมตัวหนุนนายอนุทิน
นายอดิศร อภิปรายต่อว่า อยากได้นายกฯใสสะอาด ขอให้ไปสาบานวัดพระแก้วว่า ไม่มีการสนับสนุนเงินต่างๆ ตนมาโดยบริสุทธิ์ ถ้าไม่บริสุทธิ์ให้มีอันเป็นไปใน 7วัน 9วัน เพราะหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ เมื่อเทียบชื่อเสียง นิ้วต่อนิ้ว เซ็นต่อเซ็นแล้ว นายอนุทินสู้นายชัยเกษมไม่ได้ พรรคที่ไปสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯต้องรับผิดชอบ หากมีการซื้อเสียงให้เป็นนายกฯ เท่ากับเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
“ส้มเท้งค้ำยันเขากระโดง ผูกโยงฮั้วสว.ไว้ปลายเสา ขัดสีฉวีวรรณให้มันเงา ย่องเบาอำนาจอธิปไตย นี่คือการย่องเบาอำนาจอธิปไตย ปล่อยให้คนแบบนี้เป็นนายกฯไม่ได้” นายอดิศรกล่าว
ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พรรคประชาชนโหวตสนับสนุนให้นายอนุทิน เป็นนากญ แต่ไม่มีใครร่วมัฐบาล แบบนี้จะทำให้พรรคภูมิใจไทยเป็นลูกไก่ในกำมือของพรรคประชาชน และจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขัดกับหลักการของระบบรัฐสภา และระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง
“พรรคประชาชนระบุว่าจะไม่มีคนอยู่ใน ครม.แม้แต่คนเดียว หมายความว่าจะยกมือให้ แต่ไม่มีส่วนกำหนดนโยบายรัฐบาล หากเป็นเช่นนี้การตรวจสอบรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ท่านบอกว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จึงตั้งคำถามว่าจะทำได้จริงหรือไม่ การที่ผู้นำฝ่ายค้านอยู่ใน 2 สถานะเช่นนี้ จะเป็นฝ่ายค้านที่น่าเชื่อถือได้อย่างไร ถ้าท่านอนุทินได้เป็นนายกฯ องค์ประชุมไม่ครบสภาล่ม มีกฎหมายสำคัญเข้ามาสภาล่มจะทำอย่างไร พรรคประชาชนบอกว่าจะเป็นองค์ประชุมให้เพื่อให้สภาฯ เดินหน้าต่อ เท่ากับอยู่ในสภาพที่ต้องประคับประคองรัฐบาล” นายจาตุรนต์ อภิปราย
นายจาตุรนต์ อภิปรายต่อว่า ที่น่ากังวลต่อการใช้บารมีที่ทำให้คนผิดลอยนวลในคดีฮั้วสว.ซึ่ง สว.มีอำนาจในการเลือกองค์กรอิสระ หากนายอนุทินเป็นนายกฯ มีความเสี่ยงมากว่าบ้านเมืองจะพัฒนา ก่อนหน้านี้พรรคประชาชนเสียงแข็งให้ยุบสภาทันที แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นให้เวลา 4 เดือน เพื่อทำประชามตินำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดย สสร. ที่ผ่านมามีการพิจารณากฎหมายประชามติโดยพรรคภูมิใจไทย ที่เห็นไม่ตรงต้องการให้กฎหมายประชามติมีผลไปในทางขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงกับ สว. หาก สว.ได้อำนาจเต็มที่โดยบารมีหรือของวิเศษจะเดินไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญได้อย่างไร หากลงมติในสภาแล้ว สว.ไม่โหวตให้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะไม่เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาคือระบบองค์กรอิสระ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะถูกครอบงำโดยอำนาจพิเศษ ซึ่งเป็นสิ่งตรงข้ามกับที่พรรคประชาชนเสนอต่อประชาชน
ทางด้านนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนได้ฟังเพื่อนสมาชิกกับอภิปรายตนก็มีความไม่สบายใจในการได้มาซึ่งนายกฯ ว่าเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยของเราเป็นอย่างมากทำให้มาตรฐานของสภาตกต่ำและจะสร้างความยุ่งเหยิงต่อไปมาก ซึ่งเมื่อตนได้ดูเรื่องข้อกฎหมายของทั้งสองคนและเห็นว่านายชัยเกษมไม่ได้มีปัญหา เรียบร้อย บริสุทธิ์ แต่นายอนุทินตนมีความไม่สบายใจในคุณสมบัติข้อกฎหมายว่าจะมีปัญหาตามมาแน่นอน เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปคือเรื่องของคดีฮั้วสว. ท่านเป็นคนที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีและท่านได้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังอยู่ในกระบวนการทางกฎหมายยุติธรรม
“สองคนที่ถูกเสนอชื่อในวันนี้นั้นตนดูแล้วไม่ได้ลำเอียงแต่นายชัยเกษมดูแล้วไม่มีทั้งโลกวัชชะ และปัณณัตติวัชชะ คือกฎหมายได้จริยธรรมได้ แต่สำหรับนายอนุทินนั้น ผมยังมีข้อกังขาที่ยังมีอยู่ หากนายอนุทินได้รับความเห็นชอบจากสภา แล้วประธานสภาฯ ต้องนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ และส่งลงพระปรมาภิไธย ทราบหรือไม่ว่าข้อตกลงและหนังสือเวียนสำนักพระราชวัง ได้ทำกับหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ซึ่งความที่จะนำขึ้นกราบบังคมทูล ถ้ามีปัญหาในข้อกฎหมายต้องเป็นที่ยุตติในข้อกฎหมายเสียก่อน” นายสุทิน กล่าว







